คงความอ่อนเยาว์
0 0
Read Time:15 Minute, 17 Second

เราคงไม่อาจหยุดกระบวนการแก่ตัวลงได้โดยสิ้นเชิง แต่อย่างน้อยเราก็สามารถชะลอความร่วงโรยให้ช้าลงและคงความอ่อนเยาว์ได้

ร่องรอยและสัญญาณของความร่วงโรยภายนอก อาจลดเลือนได้ด้วยเทคโนโลยีความงามสมัยใหม่หลายอย่าง แต่ข้างในล่ะ..มันมีวิธีที่จะเอาชนะเวลา ทั้งในเรื่องสุขภาพกาย ใจ และความเป็นอยู่ดีของเราได้หรือเปล่า พญ.เจนนิเฟอร์ ลันดา ผู้เขียนหนังสือเรื่อง The Sex Drive Solution for Women บอกว่ามี “การคงความอ่อนเยาว์เคยเป็นแค่นิยายวิทยาศาสตร์ แต่นิยายได้กลายมาเป็นความจริงไปแล้ว ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ใหม่ๆ” 

มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่รองรับการกระทำหลายอย่างที่คุณสามารถทำได้ เพื่อต่อสู้ความร่วงโรยของวัยและรักษาความรู้สึกอ่อนยาว์เอาไว้ให้ยาวนาน ลองกลยุทธ์เหล่านี้เพื่อชะลอเวลาของความร่วงโรยแห่งวัยให้ช้าลง

เคล็ดลับคงความอ่อนเยาว์

1 ให้อาหารสมอง

คงความอ่อนเยาว์

สิ่งที่คุณใส่เข้าไปในปากสามารถส่งผลต่อสมองของคุณได้ และมันก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะเริ่มกินอย่างถูกต้อง ให้เร็วที่สุดตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นและวัยเลขสอง เพื่อขับไล่ความเครียดของสมอง จากการศึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคในสหรัฐฯ ผู้ใหญ่ชาวอเมริกันอายุระหว่าง 18-24 เป็นกลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพสมองมากที่สุด

เนืองจากคนในกลุ่มนี้ต้องเจอความเครียดหลายอย่าง โดยเฉพาะจากปัญหาเศรษฐกิจในทุกวันนี้ การได้รับสารอาหารอย่างเหมาะสม เป็นปัจจัยหลักในการต่อสู้กับสภาวะที่สัมพันธ์กับปัญหาทางจิตใจ อย่างเช่นการหลีกเลี่ยงอาหารผ่านกระบวนการ น้ำตาล คาเฟอีน และแอลกอฮอล์ นี่จะลดการเรียกร้องต่อต่อมอะดรีนาลีน ที่รับผิดชอบต่อการหลั่งคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) และมีบทบาทสำคัญในการจัดการระบบเผาผลาญของคุณ

พญ.ลันดาแนะนำการกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างเช่นวิตามินบี ซี และแมกนีเซียม ช่วยเสริมสุขภาพของต่อมอะดรีนาลีนโดยรวม

2 ดูแลการทำงานของฮอร์โมน

คงความอ่อนเยาว์

การจับตาดูระดับฮอร์โมนของคุณตลอดชีวิต และการลงมือในการรักษาความสมดุลหรือแก้ไขความไม่สมดุลของฮอร์โมน สามารถต่อสู้กับภาวะหลายอย่างของการร่วงโรยจากวัย รวมถึงโรคนอนไม่หลับ แรงขับทางเพศต่ำ ความจำเสื่อม และน้ำหนักขึ้น ที่ช่วยคงความอ่อนเยาว์

ฮอร์โมนควบคุมทุกอย่างในร่างกาย ทำหน้าที่เป็นเมสเซนเจอร์ส่งสารเคมีเพื่อรับประกันการทำงานที่เหมาะสมของร่างกาย ตัวอย่างเช่นระดับของเทสทอสเทอโรนต่ำเกินไป สามารถทำให้ความต้องการทางเพศของคุณหายไป ขณะที่ระดับที่ต่ำเกินไปของโปรเจสเตอโรนก็เกี่ยวพันกับโรคนอนไม่หลับ และปัญหาการนอนหลับอื่นๆ 

3 เบรคตัวเองจากความเครียด

คงความอ่อนเยาว์

การศึกษาเมื่อไม่นานมาน้แสดงให้เห็นว่า ความเครียดทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่อาจเร่งการร่วงโรยของร่างกาย การหลั่งของฮอร์โมนอะดรีนาลีนและคอร์ติซอลทำให้ความดันเลือดเพิ่มขึ้นและหัวใจเต้นเร็วขึ้น ทุกวันนี้ เมื่อปัจจัยที่ทำให้เราเครียดไม่เคยหยุดหย่อย (ไม่ว่าความกดดันจากการทำงาน รถติด ปัญหาเรื่องการเงิน) การหลั่งของอะดรีนาลีนและคอร์ติซอลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลอย่างหนักต่อสุขภาพร่างกายและอารมณ์ของเรา การเจ็บป่วยจนต้องไปหาหมอในทุกวันนี้ มีสาเหตุไม่น้อยที่มาจากความเครียดอย่างต่อเนื่อง

วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการหยุดกระบวนการทำลายล้างเหล่านี้ก็คือ การทำสมาธิ หรือลองเล่นโยคะ หรือทำอะไรก็ได้ที่เป็นการทำซ้ำๆ และต่อเนื่อง เช่น วิ่ง และจดจ่อที่ลมหายใจตัวเองและความรู้สึกของตัวเองในแต่ละย่างก้าว

การออกกำลังบริหารหัวใจสามารถช่วยคลายความเครียดได้ เพราะมันเพิ่มระดับเอนดอร์ฟินส์ ฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกดี และอย่าลืมการฝึกความแข็งแรงด้วย ผู้หญิงจำนวนมากมักละเลยการยกน้ำหนัก แต่การออกกกำลังชนิดนี้จำเป็นในการักษาความหนาแน่นของกระดูกและทำให้รูปร่างดูเพรียวกระชับ

4 อย่าได้ขาดครีมกันแดด

คงความอ่อนเยาว์

ผิว..เป็นอวัยะวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกายคนเรา และแสดงให้เห็นสัญญาณของวัยได้ชัดเจนกว่าส่วนอื่นของร่างกาย

จากผลการศึกษาเมื่อปี 2013 การเผชิญกับแสงอาทิตย์มีผลราว 80 เปอร์เซ็นต์ ต่อริ้วรอยที่เห็นได้ชัดเจนบนใบหน้า การศึกษาชิ้นเดียวกันยังพบด้วยว่าคนในวัย 40 ที่เจอกับแสงอาทิตย์เป็นเวลานานๆ ดูแก่กว่าคนที่ไม่ค่อยโดนแดดราว 5 ปี จากการศึกษากลุ่มผู้เข้าร่วม 30 คน

แพทย์ผิวหนังให้อรรถาธิบายว่า ความเสียหายจากรังสียูวีเอในแสงอาทิตย์ นำไปสู่ริ้วรอย ความเหี่ยวย่น จุดด่างดำ และรูขุมขนใหญ่ และ National Skin Cancer Foundation ในสหรัฐฯ ก็ให้ข้อมูลว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของรังสีที่ส่องทะลุลงบนมาพื้นโลก คือรังสียูวีเอ การทากันแดดทุกวันจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก แม้แต่รังสียูวีที่ส่องทะลุเข้ามาทางกระจกหน้าต่างรถหรือหน้าต่างที่ทำงาน รวมถึงรังสียูวีเอที่คุณต้องเจอสะสมมาตลอดปี ก็สามารถทำความเสียหายให้แก่ผิว และเพิ่มอัตราความร่วงโรยของวัยขึ้นอย่างมาก

การทากันแดดบนใบหน้าครั้งหนึ่งในตอนช้า เพียงพอสำหรับการอยู่ในอาคาร แต่เมื่อใดที่คุณอยู่กลางแจ้ง (แม้แต่จะกางร่มก็ตาม) ก็ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 15 หรือมากกว่านั้น และทาซ้ำทุกสองชั่วโมง มองหาผลิตภัณฑ์แบบ broad-spectrum ที่กันได้ทั้งรังสียูวีเอและบีที่เป็นอันตรายต่อผิวเหมือนกัน

หลังมือของเรามักเป็นจุดที่เกิดมะเร็งผิวหนังกันเยอะ จึงต้องการความใส่ใจเป็นพิเศษ เนื่องจากเราล้างมือบ่อย ทำให้สารกันแดดหมดไปได้ง่าย จึงควรทากันแดดที่มือในตอนเช้า และอีกครั้งหนึ่งในระหว่างวัน

อีกมาตรการสำคัญในการป้องกันแสงอาทิตย์ก็คือ การสร้างระดับแอนตี้ออกซิแดนท์ และรักษาระดับของวิตามินเอ ซี ดี และอีให้เพียงพอ การกินผักและผลไม้สีสดใสให้มากพอ สามารถเพิ่มระดับวิตามินเหล่านี้ และทำหน้าที่เหมือนสารป้องกันแดดตามธรรมชาติสำหรับร่างกาย ช่วยป้องการความชราของผิวและมะเร็งผิวหนัง

5 ทำใจและทำตัวให้อ่อนเยาว์

คงความอ่อนเยาว์

ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท ดร.มาริโอ อี.มาร์ติเนซ และผู้เขียนหนังสือเรื่อง The Mind-Body Code ใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตในการศึกษาเรื่องกระบวนการร่วงโรยของวัย และสิ่งที่เขาพบก็คือ คนที่ดูอ่อนกว่าวัยอย่างมาก เชื่อว่าวัยกลางคนเริ่มช้ากว่าคนอื่นถึง 15 ปี พวกเขายังมีรูปแบบความเชื่อ และพฤติกรรมบางอย่าง รวมถึงการมีพิธีกรรมในการกำจัดความเครียด และเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ตลอดเวลา

นอกจากนี้การได้ทำงานบางอย่างอย่างต่อเนื่อง ดูจะส่งผลที่น่าพึงพอใจมากกว่าการเกษียณออกมาและไม่ได้ทำอะไรเลย ที่จริงแล้ว การศึกษาของมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ค้นพบว่า คนที่ทำงานพาร์ทไทม์หลังจากเกษียณ มีโรคเรื้อรังน้อยกวา มีปัญหาทางด้านร่างกายน้อยกว่า และงานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ในฝรั่เงศสแสดงให้เห็นว่าคนที่รีไทร์ก่อนเวลา มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเป็นโรคอัลไซเมอร์

6 นอนให้เพียงพอ

คงความอ่อนเยาว์

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า การนอนอย่างเพียงพอเป็นอันดับหนึ่งจนถึงตอนนี้ที่เอาชนะได้ทุกอย่าง แต่ เราอยู่ในสังคมที่เป็นเรื่องปกติในการผลักดันตัวเองให้ทำทุกอย่าง และเราคิดว่าเป็นเรื่องปกติมากที่จะนอนแค่ 5-6 ชั่วโมง และนั่นคือพอแล้ว 

แต่การนอนหลับสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อสุขภาพ การอดนอนสัมพันธ์กับการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคอ้วน ความดันสูง และอาหารอื่นๆ อีกหลายอย่าง เวลาที่เราหลับ ระบบภูมิคุ้มกันจะถูกกระตุ้น และร่างกายจะกลับคืนสู่ความสมดุลของฮอร์โมน เป็นการเยียวยาตัวเองจากความเสียหายในระหว่างวัน และเตรียมพร้อมให้ร่างกายสามารถรับมือกับสิ่งที่จะตามมาในวันต่อไป

เมื่อปีที่แล้ว นักวิจัยได้ค้นพบหลักฐานทางร่างกายหลายอย่างว่า การนอน (ทั้งในเรื่องคุณภาพและปริมาณ) เป็นสิ่งจำเป็นมากต่อสุขภาพในด้านต่างๆ

งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า คนที่นอนน้อยกว่า 5-6 ชั่วโมงต่อคืน มีแนวโน้มที่จะแก่เร็วกว่า ในการศึกษาชิ้นหนึ่ง คนแก่ที่นอนคืนละห้าชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้น มีสายดีเอ็นเอ telomeres ที่สั้นกว่า ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การแก่ชราของเซลล์ คนที่นอนอย่างน้อย 7 ชั่วโมงหรือมากว่านั้นต่อคืน การศึกษาอีกชิ้นหนึ่งพบว่า ผู้หญิงวัยกลางคนที่นอนเฉลี่ย 6 ชั่วโมงหรือน้อยกว่า มีสายดีเอ็นเอ telomeres สั้นกว่าคนที่นอนมากกว่า การเปลี่ยนแปลงเท่ากับการแก่กว่าอายุชีวภาพถึง 9 ปี

การนอนหลับไม่เพียงพอสามารถนำไปสู่การเจ็บป่วยเรื้อรังหลายอย่าง ที่สามารถทำให้อายุสั้นลงได้ อย่างเช่นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 นักวิจัยพบว่าการนอนที่คุณภาพต่ำเพิ่มการดื้ออินซูลินมากขึ้นถึง 82 เปอร์เซ็นต์ การศึกษาอีกชิ้นก็พบวาการนอนไม่พอ (น้อยกว่า 7.5 ชั่วโมงต่อคืน) ทำให้อิทธิพลทางพันธุกรรมที่เชื่อมโยงกับโรคอ้วนและน้ำหนักขึ้นกำเริบขึ้น ตามหลักแล้วคุณควรได้นอน 7-9 ชั่วโมงในแต่ละคืน และนั่นหมายถึงการนอนจริงๆ ไม่ใช่แค่นอนเฉยๆ บนเตียง

แรงจูงใจที่อีกอย่างให้คุณรีบขึ้นเตียงก็คือ ถ้าไม่นอนให้ดีพอและนานพอ ระบบเผาผลาญของคุณยังอาจลดลงได้ด้วย ทำให้มันเพิ่มการสะสมตัวของไขมันรอบอวัยวะต่างๆ ในร่างกายที่เป็นอันตรายต่อคุณ

7 กินให้เพียงพอ..แต่ไม่มากไป

คงความอ่อนเยาว์

การศึกษาจำนวนมากในสัตว์หลายพันธุ์ ได้แสดงให้เห็นว่า การลดแคลอรี่ลงจนเกือบใกล้จะอดตาย ทำให้ช่วงชีวิตยาวขึ้น ในการศึกษาชิ้นสำคัญในทศวรรษ 1930 หนูที่ได้รับแคลอรี่ครึ่งหนึ่งของระดับปกติ มีชีวิตยาวนานขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ของระดับปกติ ดร.จิล แบลนเดอร์ นักวิจัยทางด้านชีวิวิทยาของการชราภาพ ที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซ็ทท์ บอกเช่นนั้น 

การค้นพบนี้ได้เป็นแรงจูงใจให้บางคนลองใช้กลยุทธิ์นี้ เพื่อให้อายุยืนยาวขึ้น อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้ยังห่างไกลจากการพิสูจน์ การวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ในเรื่องการจำกัดแคลอรี่ในระยะยาวในลิง ได้แสดงให้เห็นผลที่ขัดแย้งกีนหลายอย่าง การศึกษาในคนที่น้ำหนักปติ จากการจำกัดแคลอรี่เป็นเวลาสองปี เพื่อที่จะดูผลว่าเกี่ยวกับการอายุยืนยาวขึ้นหรือเปล่า ตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา

แต่วิธีการหนึ่งที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า ช่วยให้อายุยืนยาวและรู้สึกอ่อนเยาว์ก็คือ การรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม นี่อาจฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ไม่ว่าจะมีการเติมแอนตี้ออกซิแดนท์หรือวิตามินให้ร่างกายมากแค่ไหน หรือกินอาหารแคลอรี่ต่ำยังไง ก็ไม่อาจชดเชยกับการที่มีน้ำหนักเกินพิกัดได้ โดยเฉพาะบริเวณรอบเอว

การศึกษาขนาดใหญ่ชิ้นหนึ้งในสหรัฐฯ ที่ติดตามเก็บข้อมูลคนกลุ่มหนึ่งมาตั้งแต่ปี 1948 ระบุว่า คนที่น้ำหนักเกินในช่วงวัยกลางคน จะมีชีวิตสั้นกว่าคนที่มีน้ำหนักปกติสองสามปี และการเป็นโรคอ้วนทำให้ช่วงชีวิตโดยรวมสั้นลงได้ราว 6-7 ปีเลยทีเดียว 

โรคอ้วนเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับโรคหัวใจและโรคเบาหวาน ซึ่งส่วนหนึ่งอธิบายได้ถึงสาเหตุของอายุที่สั้นลง แต่การศึกษาชิ้นใหม่ได้แสดงให้เห็นว่า ไขมันส่วนเกินเองก็อาจมีผลในเชิงการทำลายต่อร่างกายของคนเรา ตัวอย่างเช่นในการศึกษาชิ้นหนึ่งของโรงเรียนแพทย์จอห์น ฮอปกินส์ในสหรัฐฯ ที่ได้ค้นพบหลักฐานความเสียหายของกล้ามเนื้อหัวใจในคนที่น้ำหนักเกิน แม้แต่ในคนที่ไม่ได้เป็นโรคหัวใจก็ตาม

8 บริโภคไขมันให้มากขึ้น

คงความอ่อนเยาว์

ไขมันชนิดที่ดีต่อสุขภาพอย่างเช่น กรดไขมันโอเมก้า-3 (ที่พบในปลาแซลมอน วอลนัต และเมล็ดพืช) ช่วยให้อารมณ์ของคุณไม่แปรปรวน รักษาความแข็งแรงของกระดูก และช่วยป้องกันสัญญาณที่เห็นได้ของความร่วงโรยจากวัย ด้วยการลดอาการอักเสบในร่างกาย โอเมก้า-3 ยังเพิ่มความสามารถของเอ็นไซม์ในร่างกายในการดึงเอาไขมันออกจากการเก็บสะสมไว้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และใช้มันเป็นพลังงาน และยังช่วยรักษาสุขภาพผิวอีกด้วย

ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องกันว่าคุณต้องการกรดไขมันโอเมก้า-3 วันละ 2 กรัมต่อวัน เพราะฉะนั้นกินอาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 ให้เยอะๆ หรือถ้ากลัวว่าจะได้รับไม่เพียงพอ ก็อาจกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจำพวกน้ำมันปลาก็ได้

9 ลุกจากเก้าอี้

คงความอ่อนเยาว์

ไม่เพียงแค่การอกกำลังกายเป็นประจำช่วยคุณในการลดน้ำหนัก กระชับกล้ามเนื้อ สร้างความแข็งแรงของกระดูก และทำให้อารมณ์แจ่มใส มันยังช่วยให้คุณคิดได้อย่างปลอดโปร่งด้วย 

การศึกษาโดย National Institute on Aging แสดงให้เห็น การเชื่อมโยงกันระหว่างการออกกำลังกายและพลังสมองที่ดีขึ้น การเดินแค่ 10 นาทีต่อวัน ก็ช่วยลดความเสี่ยในการเป็นอัลไซเมองร์ลงได้ราว 40 เปอร์เซ็นต์แล้ว นี่เป็นข้อมูลจาก นพ.แกรี่ สมอลล์ ผู้เขียนหนังสือเรือง The Healthy Brain Kit ร่างกายที่แข็งแรงช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล ที่ทำลายธนาคารความทรงจำให้ว่างเปล่า

10 มีความรัก

คงความอ่อนเยาว์

ใครก็ตามที่เคยตกหลุมรักหัวปักหัวปำมาก่อน หรือค้นพบกิจกรรมที่ทำให้พวกเขากระตือรือร้นที่จะกระโจนออกจากเตียงในตอนเช้ารู้ดีกว่า หนังสือเรื่อง Sex and the Seasoned Woman โดย เกล เฮชี ชี้ว่า ความเสน่หาเป็นยาที่ทรงพลัง มันเป็นศูนย์กลางแรงจูงใจของกิจกรรมทุกอย่างของมนุษย์ ความสามารถในการเปิดรับชีวิต เพิ่มความเคารพตนเอง เป็นเชื้อเพลิงให้ระบบภูคุ้มกัน และทำให้สุขภาพหัวใจดีขึ้น 

ความเสน่หาบนเตียงยังอาจมีประโยชน์เป็นพิเศษ เพราะการสัมผัสด้วยความรักทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนอย่างออกซีโทซิน ที่ลดความเครียดและความวิตกกังวล แต่ถ้าเป็นเซ็กซ์เพื่อความสำราญอย่างเดียว จะไม่ได้ผลอย่างเดียวกัน

ฉะนั้น พยายามกำจัดความเบื่อหน่ายและความโดดเดี่ยวในทุกวิถีทาง จุดประกายรักกับคู่ของคุณขึ้นมาอีกครั้ง หรือค้นพบความรักใหม่ๆ ในรูปแบบของกิจกรรมทางจิตใจ เช่น การเรียนวาดรูป การเข้าร่วมกลุ่มทำกิจกรรมต่างๆ ทำอะไรก็ตามที่ทำให้คุณรู้สึกสดใสและมีชีวิตชีวา

11 ดื่มไวน์

คงความอ่อนเยาว์

เมือไม่นานมานี้ มีการศึกษาชิ้นสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า หนูที่กินอาหารไขมันสูงและเสริมด้วยเรสเวอราทรอล (resveratrol) สารที่พบในเปลือกองุ่น มีอายุขัยโดยเฉลี่ยยาวนานกว่าตัวที่ไม่ได้รับเรสเวอราทอรล โดยผู้ทำวิจัย ดร.ราฟาเอล เอด คาโบ National Institute on Aging ในสหรัฐฯ ชี้ว่า เห็นได้ชัดเจนว่าเรสเวอราทรอลช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานและปัญหาเรื่องตับในหนูทดลอง ทำให้อัตราการตายเนื่องจากโรคอ้วนลดลงอย่างชัดเจน แต่อย่าเพิ่งดีใจไป คุณต้องดื่มไวน์แดงวันละ 180 ขวด เพื่อที่จะได้ประโยชน์แบบเดียวกัน

นักวิจัยกำลังทำงานเพื่อที่จะพัฒนาสมรรถนะของเรสเวอราทรอล เพื่อที่จะทำเป็นยาเม็ดที่มีปริมาณที่มากพอ แต่ในระหว่างนี้ ก็ยังมีหลักฐานมากกว่าว่าไวน์แดงเล็กน้อยสามารถช่วยแก้ปัญหาสุขภาพบางอย่างได้

โดยการศึกษาในสัตว์ชิ้นใหม่ที่โรงเรียนแพทย์จอห์น ฮอปกินส์ ชี้ว่า ไวน์แดงสามารลดความเสียหายของสมองที่เกิดจากโรคเส้นเลือดสมองอุดตันได้มากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ และงานวิจัยอีกชิ้นก็แสดงให้เห็นว่า โพรไซยานิดีนส์ในเมล็ดองุ่น ที่พบในไวน์แดง สามารถช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือดได้ ส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ และลดการเสียชีวิตจากโรคหัวใจได้

เพราะฉะนั้นเอ็นจอยไวน์แดงกันได้ ตราบเท่าที่คุณทำตามแนวทางของแพทย์ที่แนะนำ คือไม่ดื่มมากกว่าหนึ่งแก้วต่อวัน

12 เล่นโยคะ

คงความอ่อนเยาว์

ทั้งการมีพลังวังชา ท่วงท่าดีขึ้น มีความยืดหยุ่น ทำให้อารมณ์ดี และเครียดน้อยลง ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องดีๆ หลายอย่างที่ได้จากการออกกำลังที่เชื่อมโยงร่างกายและจิตใจชนิดนี้ 

การหายใจแบบโยคะ จะช่วยให้คุณตื่นตัวและรับรู้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างร่างกายและจิตใจ และมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าว่าการหายใจแบบโยคะเพิ่มออกซิเจนให้เซลล์ กำจัดสารพิษ ป้องกันโรค และทำให้ผิวเปล่งประกาย 

ที่ไม่เหมือนกับการออกกำลังกายอย่างอื่นก็คือ โยคะออกแบบมาเพื่อทำงานทั้งภายในร่างกายไปพร้อมกับภายนอก ช่วยทำให้ระบบย่อยอาหาร ระบบสืบพันธุ์ และแม้แต่ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น

13 กินสุดยอดผลไม้

คงความอ่อนเยาว์

มันมีเหตุผลที่ดีที่ทำให้เราได้ยินเรื่องของทับทิมอย่างมากในทุกวันนี้ การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่า มันมีประโยชน์ที่มากกว่าผลไม้อย่างอื่น น้ำทับทิมช่วยลดคอเลสเตอรอลและความดันโลหิต อาจช่วยชะลอการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว และมีศักยภาพในการลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ นักวิจัยเชื่อว่ามันอาจป้องกันมะเร็งบางรูปแบบไม่ให้ก่อตัวหรือลุกลามมากขึ้นได้ ยังมีผลการศึกษาด้วยว่า ทับทิมสามารถปกป้องผิวจากความเสียหายจากรังสียูวีได้ด้วย

ผลไม้ที่ช่วยต้านความร่วงโรยของวัยอีกอย่างหนึ่งก็คือโกจิเบอร์รี่ ผลไม้ซึ่งมีที่มาจากธิเบต มันมีวิตามินซีมากกว่าส้มถึง 500 เท่า และยังมีแคโรทินอยด์ ที่เป็นแอนตี้ออกซิแดนท์อย่างหนึ่งในปริมาณมากที่สุดในโลก ผลไม้ที่รสชาติคล้ายแครนเบอร์รี่แต่มีพลังมหาศาลนี้ ยังมีธาตุเหล็กมากกว่าผักขม มีกรดอะมิโน 18 ชนิด แคลเซียม แมกนีเซียม สังกะสี เซเลเนียม วิตามินบี1 บี2 บี6 และวิตามินอี โกจิเบอร์รี่กระตุ้นการหลั่งโกรวธฮอร์โมนในร่างกายมนุษย์ ที่ช่วยให้เรานอนหลับได้ดีขึ้น ดูอ่อนเยาว์ขึ้น ลดไขมัน ทำให้ความจำดีขึ้น เพิ่มแรงขับทางเพศ และทำให้ภูมิคุ้มกันดีขึ้นด้วย

ลองหาโกจิเบอร์รี่แห้งมากินเป็นของว่างในระหว่างวัน นอกจากนี้ก็ดื่มน้ำทับทิมทุกวัน หรือซื้อน้ำทับทิมเข้มข้นมาเติมลงในโยเกิร์ตเปล่าๆ สำหรับกินในตอนเช้าหรือเป็นของว่างตอนบ่ายก็ได้

14 จิบชาเขียว

คงความอ่อนเยาว์

คำเล่าลือเรื่องสุขภาพของชาชนิดนี้เริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ มีการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ว่าชาเขียวช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม และตอนนี้ก็กำลังมีการทดสอบเพิ่มขึ้น ในเรื่องการป้องกันการกลับมาของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งปอด

ดร.เอมี่ ยี ศาสตราจารย์ทางด้านชีวเคมีแห่งมหาวิทยาลัยทัฟท์ในสหรัฐฯ ให้ข้อมูลว่า ชาเขียวมีสารประกอบอันน่าอัศจรรย์ในเรื่องการบล็อกเครือข่ายสัญญาณ ที่เชื่อมโยงกับการลุกลามของมะเร็ง 

มันยังเป็นสารที่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับน้ำหนัก เพราะมันดูจะช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญได้ การศึกษาวิจัยเบื้องต้นได้พบว่า ชาเขียวอาจช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ การศึกษาชิ้นหนึ่งในญีปุ่นที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Clinical Nutrition เมื่อปีที่แล้วพบว่า การดื่มชาเขียวอย่างน้อยวันละถ้วยอาจช่วยรักษาความเฉียบคมของสมองเอาไว้ได้เมื่อคุณอายุมากขึ้น

15 บริหารสมอง

คงความอ่อนเยาว์

การศึกษาที่ตีพิมพ์เมื่อปีที่แล้วในวารสาร American Medical Association แสดงให้เห็นว่า การใช้โปรแกรมในการบริหารสมอง สามารถป้องกันการเสื่อมถอยของสมองได้ และประโยชน์นี้สามารถมีผลยาวนานกว่า 5 ปี

แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมหรือเครื่องมืออะไรในการบริหารสมองก็ได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า กิจกรรมในชีวิตประจำวันก็สามารถบริหารสมองได้ แค่ให้แน่ใจว่ามันให้ความแปลกใหม่และท้าทายแก่สมองของเรา เช่น การขับรถกลับบ้านในเส้นทางที่ไม่เคยกลับ การแปรงฟันโดยใช้มือข้างที่ไม่ถนัด หรืออาจเล่นเกมที่หาได้ง่ายๆ เช่น ปริศนาอักษรไขว้ ครอสเวิร์ด หรือซูโดกุ หรือแม้แต่การคิดเลขในใจ การพยายามจดจำบางสิ่งบางอย่างโดยไม่ใช่ปากกาหรือกระดาษจด เป็นต้น

การศึกษาวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า การเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ก็ถือเป็นการบริหารสมองอย่างหนึ่ง เช่น การเรียนดนตรี การเรียนภาษาใหม่ๆ หรือเรียนศิลปะ

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *