0
0
เรามีแบบทดสอบสุขภาพ 11 เรื่องที่จะช่วยให้คุณแน่ใจแบบไม่ได้มโนไปเอง และสามารถบอกถึงบางเรื่องที่แม้แต่ผลตรวจเลือดก็ไม่สามารถบอกคุณได้
ร่างกายเป็นปริศนาอันยิ่งใหญ่ น่าทึ่ง และซับซ้อน แต่ข้อมูลที่คุณได้รับจากเครื่องตรวจความดันเลือด หรือการตรวจจากแล็บ เป็นแค่ภาพคร่าวๆ เหมือนกับชิ้นส่วนตรงขอบๆ ของปริศนาจิ๊กซอว์ที่ไม่ยังไม่ได้ให้ภาพที่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะเมื่อคุณอายุยังน้อย ปัญหาสำคัญๆ อาจจะยังไม่แสดงออกมาในการตรวจเหล่านั้น นี่เป็นคำบอกจาก ดร.ไมเคิล รอยเซน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพ ที่คลินิกคลีฟแลนด์ ในสหรัฐฯ และผู้เขียนร่วมหนังสือเรื่อง This is your Do-Over และเมื่อถึงเวลาผลแสดงออกมา ก็ยากที่จะแก้ไขความเสียหายแล้ว
เพื่อช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของสุขภาพคุณได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เราจึงได้รวบรวมข้อมูลมาเพื่อจัดทำแบบทดสอบสุขภาพ 11 เรื่องที่ง่ายๆ แต่ให้ผลชัดเจนนนี้มาให้คุณในการประเมินสุขภาพ มาเริ่มทำแบบทดสอบสุขภาพ 11 เรื่องนี้กันค่ะ
มาเริ่มทำแบบทดสอบสุขภาพ 11 เรื่องกันได้เลย..
1 คุณกินอาหารนอกบ้านกี่ครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
คุณมาถูกทางแล้ว
นักโภชนาการบอกว่า เมื่อคุณทำอาหารของคุณเอง คุณจะควบคุมส่วนประกอบต่างๆ ได้มากขึ้น ทั้งไขมัน เกลือ น้ำตาลที่เพิ่มเข้าไป และปริมาณการกิน โดยการกินอาหารมื้อเที่ยงข้างนอกเป็นมื้อที่มีแคลอรี่มากที่สุดสำหรับผู้หญิง ถ้าคุณซื้ออาหารกลางวันกินนอกบ้าน ต้องให้แน่ใจว่าเน้นไปที่ผักและโปรตีนไขมันต่ำ
คิดถึงตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพ
การศึกษาชิ้นหนึ่งชี้ว่า ผู้หญิงที่ไปกินข้างนอกบ่อยๆ มักกินอาหารแย่อย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับคนที่กินบ่อยน้อยกว่า ในวันที่งานยุ่งจนไม่สามารถทำอาหารกินเองแบบเต็มยศได้ ให้คิดถึงการทำอาหารง่ายๆ ที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งสามารถทำไว้ล่วงหน้าได้ เช่น สลัด ซุป ซูชิ หรือผักกับไก่อบ
ถึงเวลาที่ต้องประเมินนิสัยการกินของคุณใหม่
คุณไม่ได้แค่บริโภคไขมันส่วนเกินจำนวนมาก แต่ยังมีแนวโน้มจะขาดวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นด้วย การศึกษาชิ้นหนึ่งของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ พบว่า คนที่กินอาหารส่วนใหญ่จากร้านอาหาร มีแนวโน้มจะบริโภคผลไม้ ข้าวไม่ขัดสี และผักสีเขียวเข้มและสีส้มน้อยลง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เลือกอาหารมื้อหนึ่ง อย่างเช่นอาหารเช้า เพื่อช่วยให้คุณสามารถกลับเข้าสู่การกินที่เหมาะสม
2 ถ้ารวมจำนวนเวลาทั้งหมดที่คุณออกกำลังกายต่อสัปดาห์แล้วเท่ากับ 150 นาที หรือมากกว่าหรือเปล่า
ทำดีแบบนี้ต่อไปนะ
คุณได้ไปถึงเป้าหมายของปริมาณการออกกำลังกายที่คุณควรทำในแต่ละสัปดาห์แล้ว
มันทำได้ง่ายกว่าที่คุณคิดนะ
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การออกกำลังกายจะลดความเสี่ยงของมะเร็ง อาการซึมเศร้า โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ต้องให้เวลากับมัน ถ้ายุ่งเกินไป ก็รวมมันเข้าไว้ในกิจวัตรประจำวัน เช่น เดินแทนที่จะขึ้นรถ และกำหนดเป้าหมายที่เป็นไปได้ให้ตัวเอง อย่างเช่น แบ่งการออกกำลังเป็นช่วงละสิบนาทีตลอดสัปดาห์ หรือไปเดินเล่นกับเพื่อน
3 ปริมาณเครื่องดื่มที่ให้ความหวานด้วยน้ำตาล (อย่างน้ำอัดลม น้ำผลไม้ หรือกาแฟแบบแต่งรสชาติ) ที่คุณดื่มในแต่ละสัปดาห์
ดีแต่ไม่ยอดเยี่ยม
เครื่องดื่มที่ให้ความหวานด้วยน้ำตาล จะทำให้ระดับอินซูลินสูงขึ้นมากในทันที ซึ่งอาจนำไปสู่การลดลงอย่างรวดเร็วของพลังงานและการอยากอาหารที่ตามมา ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าน้ำตาลที่เติทเข้าไป ไม่ควรจะมากกว่า 10% ของแคลอรี่ที่ได้จากอาหารและเครื่องดื่มในแต่ละวัน
คุณอยู่ในขอบเขตของความเสี่ยง
การศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นประจำประมาณ 30% มีโอกาสที่จะเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มากกว่าคนที่ไม่ค่อยได้ดื่ม คุณต้องค่อยๆ ลดลง ถ้าคุณอยากกินของหวาน ลองเติมสตรอว์เบอร์รี่บดสองหรือสามลูก และน้ำมะนาวสองสามหยดลงในน้ำเปล่า
4 คุณสามารถทรงตัวบนขาข้างเดียวแล้วปิดตาเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วินาทีได้มั้ย
สมองของคุณเฉียบแหลมมาก
การประสานงานถูกกำหนดโดยสมอง ดังนั้น การทำแบบนี้ได้ดี เป็นสัญญาณว่าสมองของคุณยังแข็งแรง
คุณต้องกระตุ้นสมองซะหน่อยแล้ว
งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผู้ใหญ่ที่อายุไม่มากและสุขภาพดี ควรสามารถทรงตัวบนขาข้างเดียวเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วินาทีได้ ในความเป็นจริง ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าการทรงตัวที่ไม่ดีอาจเป็นสิ่งบ่งชี้ขั้นต้นของการรับรู้ที่เสื่อมลง หรือความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองที่เพิ่มขึ้น มาสร้างความแข็งแกร่งให้กับการทรงตัวของคุณและระบบประสาทส่วนกลางของสมอง ด้วยโยคะ การเต้นรำ หรือการทำท่าไบเซ็ปเคิร์ล หรือการเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความแข็งแรงอื่นๆ ขณะยืนบนขาข้างเดียว กิจกรรมใดก็ตามที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้การเคลื่อนไหวจะช่วยได้
5 จดบันทึกว่าคุณอยู่ในอารมณ์ที่เป็นบวกหรือลบในช่วงเวลาต่างๆ ของวัน (ตอน 9 โมงเช้า บ่ายโมง หกโมงเย็น และสามทุ่ม) แล้วคำนวณอัตราส่วนของอารมณ์ที่เป็นบวกและลบเหล่านั้น
(เป็นบวกมากกว่า) คุณมีความสุข
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า การมองไปที่การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ตลอดวัน จะช่วยเราได้เห็นลักษณะต่างๆ ทางอารมณ์ของเราอย่างชัดเจน แบบทดสอบนี้มักจะทำให้ผู้หญิงประหลาดใจ เพราะพวกเธอไม่รู้ว่าพวกเธอค่อนข้างเครียด เนื่องมาจากความวิตกกังวลทั้งหลายกลายเป็นเรื่อง “ปกติ” ไปซะแล้ว
คุณต้องใช้ตัวช่วย
พยายามเพิ่มประสบการณ์ที่ทำให้คุณมีความสุขในแต่ละวัน เช่น ค้นหาข้อมูลสำหรับการหยุดพักผ่อนครั้งต่อไป หรือไปกินข้าวเที่ยงกับเพื่อน
คุณกำลังลำบาก
เมื่ออัตราของคุณเป็นลบมากกว่า คุณจะมีความเสี่ยงมากขึ้นในการเจ็บป่วย ทั้งในแต่ละวันและเรื้อรัง ถ้าอารมณ์ของคุณตกต่ำจนกระทบต่อการทำงาน การนอน หรือความสัมพันธ์ของคุณ คุณควรมองหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญได้แล้ว
6 อย่าโกหกนะ..ตอนคุณมีเซ็กส์ เคยเจ็บหรือไม่?
งั้นก็ทำต่อไป
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า การรู้สึกไม่สบายบางครั้งถือเป็นเรื่องปรกติ ตราบเท่าที่มันไม่ใช่การเจ็บปวดที่ทำให้คุณสะดุ้ง คุณก็ถือว่าโอเค
นี่ไม่โอเคนะ
ถึงเวลาต้องหาสาเหตุกันหน่อยแล้ว ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการเล้าโลมที่ไม่เพียงพอ แต่ก็อาจจะเป็นสัญญาณของสิ่งอื่น เช่น โรคเยื้อบุมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) โรคกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอักเสบ รังไข่อักเสบ หรือการติดเชื้อ อย่างเช่น การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ควรบอกเรื่องความเจ็บปวดของคุณกับหมอ เพื่อหมอจะได้ช่วยหาว่าเกิดอะไรขึ้น
7 เหงือกมีเลือดออกตอนขัดฟันหรือเปล่า
สุขภาพปากเอบวกเลย
เหงือกที่สุขภาพดีควรเป็นสีชมพู เนื้อแน่น และไม่ควรมีเลือดออกตอนแปรงฟันหรือขัดฟัน ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูลเช่นนั้น ที่ถือว่าดีที่สุดก็คือ เหงือกควรจะติดแน่นกับฟัน และเมื่อกดลงไป มันก็ไม่ควรจะเป็นสีขาว ถ้าสีของเหงือกอ่อนลง แสดงว่ามีของเหลวในเหงือก และซึ่งอาจจะนำไปสู่อาการอักเสบได้
นี่เป็นสัญญาณเตือนแล้วล่ะ
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าในกรณีอย่างนี้ มีโอกาส 90% ที่จะเป็นโรคเหงือก เพื่อรับมือกับมัน คุณต้องแปรงฟันนานขึ้นในบริเวณนั้น และไปหาหมอฟันเพื่อดูว่าคุณต้องรักษาเพิ่มเติมหรือไม่ บริเวณนั้นอาจจะแค่ต้องการการทำความสะอาดเพื่อขจัดคราบแบคทีเรีย แต่ถ้าเหงือกที่สุขภาพไม่ดีถูกปล่อยทิ้งไว้ อาจจะนำไปสู่โรคปริทันต์ได้ ซึ่งนำไปสู่การฟันร่วงในที่สุด ควรใช้ไหมขัดฟันหนึ่งครั้งต่อวันเพื่อขจัดคราบ และทำให้แน่ใจว่าไปหาหมอฟันอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อปี
8 ใช้นิ้วโป้งและนิ้งชี้ดึงหนังบนหลังมือ แล้วปล่อย มันเด้งกลับทันทีหรือเปล่า?
คุณได้รับน้ำอย่างเพียงพอ
เมื่อร่างกายมีของเหลวเพียงพอ เซลล์จะอิ่มตัว ทำให้ผิวยืดหยุ่นมากขึ้น
คุณอาจจะขาดน้ำ
การศึกษาต่างๆ แสดงให้เห็นว่าการขาดน้ำทำให้คุณหงุดหงิด ขี้เกียจและไม่มีสมาธิ “ซื้อขวดน้ำหนึ่งลิตรให้ตัวเอง และตั้งไว้บนโต๊ะเพื่อเตือนตัวเองให้จิบน้ำตลอดทั้งวัน
9 เมื่อมาถึงเรื่องการนอน คุณมักจะ…
หลับภายในห้านาทีหลังจากเอนกายลง
- ใช่ (1 คะแนน)
- ไม่ (0 คะแนน)
กดปุ่มปิดนาฬิกาปลุกสองครั้งหรือมากกว่า
- ใช่ (1 คะแนน)
- ไม่ (0 คะแนน)
เข้านอนและตื่นในเวลาที่ต่างกันทุกวัน
- ใช่ (1 คะแนน)
- ไม่ (0 คะแนน)
0 คะแนน = คุณพักผ่อนอย่างเพียงพอ
และถือว่าค่อนข้างสุขภาพดีด้วย การศึกษาชี้ว่า ผู้หญิงที่นอนอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพการนอนที่ดี ระหว่าง 6.5 และ 8.5 ชั่วโมงต่อคืน มีไขมันในร่างกายต่ำกว่าคนอื่น
1 ถึง 2 คะแนน = คุณค่อนข้างเหนื่อย
การนอนไม่เพียงพออาจทำให้ซึมเศร้า วิตกกังวล หรือสมองเบลอ ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอน ไมเคิล เบรอุส ผู้เขียนร่วมของหนังสือเรื่อง The Sleep Doctor’s Diet Plan แนะนำว่า การได้นอนเพิ่มขึ้น 30 นาทีทุกคืนจะช่วยได้
3 คะแนน = คุณเหนื่อยมาก
ถ้าคุณหลับทันทีที่หัวถึงหมอน คุณก็อาจนอนไม่เพียงพอ ลองปรับรูปแบบการนอนของคุณ ด้วยการเข้านอนให้เร็วขึ้น และตั้งนาฬิกาปลุกให้ช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อคุณจะได้นอนอย่างมีคุณภาพมากขึ้น จากนั้น ยึดตารางการนอนแบบนี้อย่างต่อเนื่อง บวกลบประมาณ 30 นาที ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
10 ถอดรองเท้าออก ลงนั่งขัดสมาธิบนพื้น แล้วยืนขึ้น คุณต้องใช้เข่าหรือมือช่วยพยุงหรือไม่
ร่างกายของคุณแข็งแรง
การจะสามารถยืนขึ้นโดยได้ไม่ต้องมีตัวช่วย คุณต้องมีความยืดหยุ่นของร่างกาย การทรงตัวที่ดี และกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ซึ่งทุกอย่างเชื่อมโยงกับการมีอายุที่ยืนขึ้น
คุณต้องออกกำลังกายมากขึ้น
การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบว่า ผู้ใหญ่อายุมากที่ลุกขึ้นได้ยาก มีโอกาสมากขึ้นห้าเท่าที่จะตายก่อนวัย ตอนนี้ถึงเวลาที่จะแก้ปัญหาแล้วนะ
11 คุณนั่งมากกว่าห้าชั่วโมงโดยเฉลี่ยต่อวันหรือไม่?
คุณไม่ค่อยปกตินะ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ดี
ผู้หญิงโดยเฉลี่ยนั่ง 50-70% ของวัน ดร.เจมส์ เลวิน ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ที่มาโย คลินิก ในฟินิกซ์ สหรัฐฯ และผู้เขียนหนังสือเรื่อง Get Up ให้ข้อมูลเช่นนั้น พร้อมกับแนะนำว่า ยิ่งคุณเคลื่อนไหวมากทไหร่ ก็ยิ่งดีต่อสุขภาพมากเท่านั้น มันเหมือนการเก็บเงินไว้ในบัญชีเงินฝาก
คุณเสี่ยงที่จะเป็น “โรคการนั่ง”
ผลจากการวิเคราะห์งานวิจัย 47 ชิ้น คนที่นั่งอย่างน้อยห้าชั่วโมงต่อวันมีโอกาสมากขึ้น ที่จะเป็นมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เริ่มเพิ่มกิจกรรมทางร่างกายห้านาที (เช่น การเดินไปเดินมาขณะพูดโทรศัพท์) ทุกชั่วโมง เพราะมีหลักฐานที่ชัดเจนว่า 5-10 นาที คือทั้งหมดที่จะเปลี่ยนระดับฮอร์โมนที่อันตรายที่ทำให้เกิดโรคเหล่านี้ ดังนั้น คุณควรลุกขึ้นได้แล้ว เพราะคุณสามารถอ่านบรรทัดสุดท้ายนี้จากท่ายืนได้
Average Rating