ไวรัสโคโรน่า
0 0
Read Time:12 Minute, 21 Second

เป็นไปได้หรือไม่ว่าคุณจะติดไวรัสโคโรน่า หากคุณสัมผัสปาก จมูก หรือดวงตาของตัวเอง หลังจากที่สัมผัสกับพื้นผิวหรือวัตถุที่มีไวรัสอยู่บนนั้น

ในช่วงปลายปี 2019 เมื่อโคโรน่าไวรัสเพิ่มแพร่ระบาดในมนุษย์ ไวรัสชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า SARS-CoV-2 ทำให้เกิดโรคที่รู้จักกันว่า โควิด-19 

ไวรัส SARS-CoV-2 สามารถแพร่กระจายได้ง่ายจากมนุษย์สู่มนุษย์ ส่วนใหญ่แล้วก็จากละอองฝอยขนาดใหญ่ของผู้ที่มีเชื้อไวรัสชนิดนี้ ซึ่งแพร่กระจายออกมาทางการพูดคุย ไอ หรือจาม และละอองฝอยนี้มาสัมผัสกับคุณ

และก็อาจเป็นไปได้ที่คุณจะติดไวรัสชนิดนี้ หากคุณสัมผัสปาก จมูก หรือดวงตาของตัวเอง หลังจากที่สัมผัสกับพื้นผิวหรือวัตถุที่มีไวรัสอยู่บนนั้น แต่เชื่อกันว่านี่ไม่ใช่วิธีหลักในการแพร่กระจายของไวรัส

การแพร่กระจายของไวรัสโคโรน่า

ไวรัสโคโรน่า

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ส่วนใหญ่แล้วโควิด-19 จะแพร่กระจายจากการสัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยคนที่อยู่ใกล้กับผู้ที่มีเชื้อไวรัสนี้ ภายในระยะ 6 ฟุตหรือราว 2 เมตร หรือสัมผัสโดยตรงกับคนผู้นั้น จะมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ

เมื่อผู้ที่มีเชื้อไวรัสนี้ไอ จาม พูดคุย หรือหายใจ จะมีละอองฝอยขนาดใหญ่กระจายออกมา ละอองฝอยขนาดใหญ่นี้มีขนาดต่างๆ กันตั้งแต่ขนาดใหญ่ (บางทีก็อาจเห็นได้ด้วยตาเปล่า) ไปจนถึงขนาดเล็ก ละอองฝอยจากระบบหายใจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ เมื่อมันถูกสูดหายใจเข้าไป หรือไปติดอยู่กับเยื่อเมือกที่อยู่ด้านในของจมูกและปาก การติดเชื้อส่วนใหญ่แล้วเกิดขึ้นผ่านทางการสัมผัสกับละอองฝอยขนาดใหญ่ ในการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีเชื้อไวรัสนี้

โควิด-19 แพร่กระจายในอากาศได้หรือเปล่า

ไวรัสโคโรน่า

ละอองฝอยขนาดเล็กและอนุภาคขนาดเล็ก ที่สามารถลอยตัวอยู่ได้ในอากาศเป็นเวลาหลายนาทีหรือหลายชั่วโมง อาจสามารถทำให้ผู้ที่อยู่ห่างเกินกว่า 6 ฟุตติดเชื้อได้

การแพร่กระจายแบบนี้เรียกกว่าการแพร่กระจายทางอากาศ (Airborne) และเป็นวิธีการสำคัญในการแพร่พระจายของเชื้อโรคติดต่ออย่างเช่น วัณโรค หัด และอีสุกอีใส

มีหลักฐานบางประการที่ชี้ว่า ในบางสถานการณ์ ผู้ที่มีเชื้อโควิด-19 สามารถทำให้ผู้ที่อยู่ห่างเกินกว่า 6 ฟุตติดเชื้อได้ การติดต่อแบบนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ปิด ซึ่งการถ่ายเทอากาศไม่ดีพอ บางครั้งผู้ที่ติดเชื้อหายใจแรงๆ เช่น ขณะร้องเพลง หรือออกกำลังกาย

ในสถานการณ์เหล่านี้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ปริมาณของละอองฝอยขนาดเล็กและอนุภาคที่ทำให้ติดเชื้อได้ จากคนที่เป็นโรคโควิด-19 จะมีความเข้มข้นของเชื้อมากพอที่จะแพร่ไปสู่ผู้อื่นได้ คนที่ติดเชื้อคือคนซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันเวลาเดียวกัน หรือเข้าไปหลังจากที่คนที่ติดเชื้อเพิ่งออกไปไม่นาน

แต่ข้อมูลบ่งชี้ว่า ไวรัสที่ทำให้เป็นโรคโควิด-19 แพร่กระจายจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรคนี้ ได้มากกว่าการแพร่กระจายทางอากาศ

ไวรัสแพร่ได้จากการสัมผัสพื้นผิวหรือเปล่า

ไวรัสโคโรน่า

ละอองฝอยขนาดใหญ่จากระบบหายใจสามารถตกลงบนพื้นผิวหรือวัตถุต่างๆ ได้ เป็นไปได้ว่าคนเราสามารถติดเชื้อโรคโควิด-19 ได้จากสัมผัสกับพื้นผิวหรือวัตถุที่มีไวัสติดอยู่ แล้วมาสัมผัสกับปาก จมูกและตาของตนเอง

แต่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC ระบุว่า การแพร่กระจายของโควิด-19 จากการสัมผัสกับพื้นผิวที่ปนเปื้อน พบได้น้อยกว่า และเชื่อกันว่าไม่ใช่วิธีที่พบมากที่สุดในการแพร่กระจายของโรคโควิด-19

โคโรน่าไวรัสสามารถอยู่บนพื้นผิวต่างๆ ได้นานแค่ไหน

ไวรัสโคโรน่า

ถึงแม้จะเชื่อว่าการสัมผัสกับพื้นผิวที่ปนเปื้อน ไม่ใช่หนทางในการแพร่กระจายของโรค แต่ก็มีการศึกษาอย่างน้อยสองชิ้น ที่ศึกษาการปนเปื้อนของไวรัสบนพื้นผิว เพื่อดูว่าไวรัสยังคงมีชีวิตอยู่ได้บนพื้นผิวต่างๆ เป็นเวลานานเท่าใดหลังจากที่แพร่กระจายออกมาจากตัวมนุษญ์ โดยการศึกษาวิจัยที่เผยแพร่ทางวารสาร New England Journal of Medicine (NEJM) และในวารสาร The Lancet พบว่าไวรัสมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวต่างๆ ได้ดังนี้คือ

พลาสติก

ไวรัสโคโรน่า

อย่างเช่นบรรจุภัณฑ์อาหาร ขวดน้ำ ขวดนม บัตรเครดิต รีโมทคอนโทรล สวิทช์ไฟ คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ เมาส์ ปุ่มเอทีเอ็ม ของเล่น บทความใน NEJM ตรวจพบไวรัสบนพลาสติกนานสูงสุดสามวัน อย่างไรก็ตามงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งใน The Lancet รายงานว่าสามารถตรวจพบไวรัสบนพื้นผิวพลาสติกนานกว่านั้นคือนานถึง 7 วัน

โลหะ

ไวรัสโคโรน่า

เป็นวัตถุที่ใช้กันทั่วไปในชีวิตประจำวันเช่นกัน ส่วนใหญ่จะเป็นสเตนเลสอย่างเช่น ลูกบิดประตู ตู้เย็น ราวจับโลหะ กุญแจ อุปกรณ์กินอาหาร หม้อ กระทะ อุปกรณ์อุตสาหกรรม และทองแดง อย่างเช่น เหรียญเงิน อปุกรณ์ทำอาหาร เครื่องประดับ สายไฟ

ในขณะที่บทความใน NEJM ไม่พบไวรัสบนสแตนเลสหลังจาก 3 วัน แต่งานวิจัยใน The Lancet ตรวจพบไวรัสที่ยังมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวที่เป็นสแตนเลสได้นานถึง 7 วัน

ส่วนทองแดงนั้น บทความใน NEJM พบว่าไวรัสจะคงตัวอยู่ได้นานน้อยกว่า โดยไม่พบไวรัสที่ยังมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวหลังเวลาแค่ 4 ชั่วโมง

กระดาษ

ไวรัสโคโรน่า

อย่างเช่น ธนบัตร เครื่องเขียน นิตยสาร หนังสือพิมพ์ กระดาษทิชชู กระดาษใช้ในครัว กระดาษม้วนใช้ในห้องน้ำ งานวิจัยใน The Lancet รายงานว่า ไม่พบไวรัสที่ยังมีชีวิตอยู่บนกระดาษสิ่งพิมพ์หรือกระดาษทิชชูหลังจาก 3 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ยังสามารถตรวจพบไวรัสบนธนบัตรนานสูงสุดถึง 4 วัน

กระจก

ไวรัสโคโรน่า

อย่างเช่น กระจกหน้าต่าง กระจกส่องหน้า แก้วน้ำ หน้าจอทีวี จอคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน งานวิจัยใน The Lancet ไม่พบไวรัสบนพื้นผิวที่เป็นกระจกหรือแก้วหลังจาก 4 วัน

กระดาษลังหรือกล่อง

ไวรัสโคโรน่า

อย่างเช่นกล่องใส่อาหารหรือกล่องใส่ของที่ส่งมาที่บ้านคุณ การศึกษาใน NEJM รายงานว่าไม่พบไวรัสที่ยังมีชีวิตอยู่บนกระดาษลังหรือกระดาษกล่องหลังจาก 24 ชั่วโมง

ไม้

ไวรัสโคโรน่า

อยางเช่นพื้นโต๊ะ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ บทความในวารสาร The Lancet รายงานว่ายังคงพบไวรัสบนพื้นผิวที่เป็นไม้หลังจากผ่านไปสองวัน

แล้วเสื้อผ้า รองเท้า หรือพื้นล่ะ

ไวรัสโคโรน่า

บทความใน The Lancet ระบุว่า ไม่พบความเสถียรของไวรัส SARS-CoV-2 บนผ้าหลังจากสองวัน ดังนั้น พูดโดยทั่วไปก็คือ มันอาจไม่จำเป็นต้องซักเสื้อผ้าทุกครั้งหลังจากออกไปข้างนอก แต่หากคุณไม่สามารถอยู่ห่างจากผู้อื่นในระยะที่เหมาะสมได้ หรือมีคนไอหรือจามใกล้ๆ คุณ การซักเสื้อผ้าโดยทันทีก็อาจเป็นไอเดียที่ไม่เลว

สำหรัลพื้นนั้น การศึกษาวิจัยในวารสาร Emerging Infectious Diseases พบว่า พื้นผิวในโรงพยาบาลที่มีการสะสมของ SARS-CoV-2 มากที่สุดก็คือบนพื้น โดยครึ่งหนึ่งของตัวอย่างมาจากรองเท้าของผู้ที่ทำงานในห้องไอซียู

ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า SARS-CoV-2 มีชีวิตอยู่บนรองเท้าและบนพื้นได้นานเท่าใด หากคุณกังวลในเรื่องนี้ ก็ควรถอดรองเท้าเอาไว้นอกบ้านเมื่อกลับถึงบ้าน หรืออาจใช้แอลกอฮอล์เช็ดฆ่าเชื้อที่รองเท้าหลังออกไปข้างนอกมาก็ได้

แล้วอาหารล่ะ

ไวรัสโคโรน่า

สำหรับอาหารนั้น CDC ตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มของไวรัสโคโรน่าโดยทั่วไปแล้วมีชีวิตอยู่ได้ไม่ดีนักในอาหาร หรือแพคเกจใส่อาหาร แต่ก็เตือนว่าคุณยังคงระมัดระวัง ในขณะจับต้องผลิตภัณฑ์อาหารที่อาจปนเปื้อนเชื้อโรคได้ 

และจากรายงานขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ก็ยังไม่พบว่า มีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสนี้ผ่านทางอาหารหรือผลิตภัณฑ์ใส่อาหาร แต่ก็บอกว่าการรักษาความสะอาดและความปลอดภัยของอาหารยังคงเป็นสิางที่จำเป็นเสมอ ควรล้างผักและผลไม้ให้สะอาดเสมอ โดยเฉพาะหากคุณรับประทานแบบดิบ คุณอาจใช้แอลกอฮอล์เพื่อเช็ดบรรจุภัณฑ์อาหารที่เป็นพลาสติกหรือแก้วที่ซื้อมาก่อนก็เป็นการดี

และที่สำคัญก็คือควรล้างมือให้สะอาดเสมอ ในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ทั้งก่อนและหลังจากจับต้องหรือสัมผัสกับอาหารที่ซื้อมาจากร้านค้า ก่อนและหลังทำอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร

ไวรัสโคโรน่ามีชีวิตอยู่ในน้ำได้หรือไม่

ไวรัสโคโรน่า

ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าไวรัส SARS-CoV-2 สามารถมีชีวตอยู่ในน้ำได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม การศึกษาเมื่อปี 2009 ชิ้นหนึ่ง ซึ่งสำรวจไวรัสโคโรน่าในน้ำก็อกที่ผ่านการกรอง พบว่าระดับของไวรัสโคโรน่าลดลงถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์หลังจาก 10 วันในอุณหภูมิห้อง โดยไวรัสที่ทำการทดสอบนั้น มีความเสถียรมากกว่าในน้ำอุณหภูมิต่ำ และมีความเสถียรน้อยกว่าในน้ำอุณหภูมิสูง

อุณหภูมิและความชื้นส่งผลต่อไวรัสโคโรน่าหรือไม่

ไวรัสโคโรน่า

แน่นอนว่าปัจจัยอย่างเช่นอุณหภูมิและความชื้นต่างก็ส่งผลกระทบต่อไวรัสอย่างแน่นอน รายงานของ CDC ระบุว่า ไวรัสโคโรน่าส่วนใหญ่จะมีชีวิตอยู่ได้สั้นลงในระดับอุณหภูมิและความชื้นสูง ตัวอย่างเช่น หนึ่งในการสังเกตการณ์ซึ่งเผยแพร่ในวารสาร The Lancet ไวรัส SARS-CoV-2 ยังความเสถียรเมื่อฟักตัวอยู่ในอุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส แต่จะหมดฤทธิ์เมื่อฟักตัวที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส

ไวรัสโคโรน่ายังคงแพร่เชื้อได้หรือไม่เมื่ออยู่บนพื้นผิวต่างๆ

ไวรัสโคโรน่า

ถึงแม้ผลของงานวิจัยเช่นนี้ จะทำให้ผู้คนแตกตื่นเกี่ยวกับการแพร่กระจายของไวรัสมากขึ้น แต่งานวิจัยใน The Lancet Infectious Diseases เมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 ก็ระบุว่า งานวิจัยใน NEJM ใช้ปริมาณไวรัสที่มีความเข้มข้นสูงกว่าที่คนเราจะพบได้ในชีวิตจริง ผู้เขียนงานวิจัยชิ้นนี้ระบุว่า โอกาสของการติดเชื้อผ่านทางพื้นผิวต่างๆ ค่อนข้างน้อย ยกเว้นในกรณีที่ผู้ติดเชื้อไอหรือตามอย่างแรงลงบนพื้นผิว และมีบางคนมาสัมผัสพื้นผิวนั้นทันทีหลังมีการไอจาม (ไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง) ดังนั้น จึงต้องมีจังหวะเวลาที่เป๊ะมากทีเดียว ถึงจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้จากพื้นผิวที่ปนเปื้อนไวรัส

นอกจากนี้งานวิจัยยังแค่พิสูจน์ว่า ไวรัสมีชีวิตอยู่ได้บนพื้นผิวต่างๆ แต่ไม่ได้พิสูจน์ว่า มันสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อได้

เหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้การมีเชื้อ SARS-CoV-2 อยู่บนพื้นผิว ไม่ได้หมายความว่าคุณจะติดเชื้อได้ก็คือ ไวรัสที่มีเปลือกชั้นนอกห่อหุ้มอย่างเช่นไวรัสโคโรน่า จะไวต่อสภาวะต่างๆ ในสภาพแวดล้อมอย่างมาก และสามารถสูญเสียความเสถียรได้เมื่อเวลาผ่านไป 

นั่นหมายความว่าอนุภาคของไวรัสจำนวนมากที่อยู่บนพื้นผิว จะหมดสภาพเมื่อเวลาผ่านไป ตัวอย่างเช่น ในการศึกษาในวารสาร NEJM ถึงเรื่องความเสถียรของไวรัส ไวรัสที่ยังมีชีวิตอยู่ที่พบบพื้นผิวสเตนเลสมีชีวิตอยู่ได้ถึง 3 วันก็จริง แต่ปริมาณจริงๆ ของไวรัสที่พบนั้น ลดลงอย่างมากหลังจาก 48 ชั่วโมงที่อยู่บนพื้นผิวนี้

แต่อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งลดการป้องกันตัวเองกันเร็วนัก ปริมาณของไวรัส SARS-CoV-2 ที่สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อได้นั้น ยังคงไม่เป็นที่รู้ชัด ดังนั้น จึงยังคงต้องใช้ความระมัดระวังกันให้มาก กับวัตถุหรือพื้นผิวที่มีแนวโน้มจะเกิดการปนเปื้อนของไวรัสได้

วิธีทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆ

ไวรัสโคโรน่า

แต่หากคุณยังกังวลกับการปนเปื้อนของไวรัส ก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวที่จะทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆ รอบตัวที่อาจสัมผัสกับไวรัสได้ และอย่างน้อยการรักษาความสะอาดก็เป็นหนึ่งในสุขลักษณะที่ดี ลองพิจารณาการทำความด้วยวิธีดังต่อไปนี้

พื้นผิวที่ควรทำความสะอาด 

ไวรัสโคโรน่า

เน้นที่ที่พื้นผิวซึ่งมีการสัมผัสสูง สิ่งของที่คุณและคนในครอบครัวต้องสัมผัสบ่อยๆ ในระหว่างวัน เช่น ลูกบิดประตู มือจับของสิ่งต่างๆ เช่นตู้เย็น เตาอบ ไมโครเวฟ สวิทช์ไฟ หัวก็อกน้ำ โถส้วม โต๊ะ พื้นเคาน์เตอร์ ราวบันได คีย์บอดและเมาส์คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้มือจับต้อง เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต วิดีโอเกม

ควรใส่ถุงมือแบบใช้แล้วทิ้งในระหว่างทำความสะอาด และโยนมันทิ้งไปหลังทำความสะอาดเสร็จ แต่ถ้าไม่ใส่ถุงมือ อย่าลืมล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำเปล่าหลังทำความสะอาดเสร็จ

สิ่งที่ใช้ในการทำความสะอาด

ไวรัสโคโรน่า

จากคำแนะนำของ CDC คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านที่มีส่วนผสมฆ่าเชื้อได้ โดยใช้ตามคำแนะนำบนฉลากเสมอ น้ำยาฟอกขาวที่มีใช้กันในบ้าน ก็สามารถใช้ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อได้ดี โดยปกติน้ำยาฟอกขาวจะมีส่วนผสมของโซเดียมไฮโปคอลไรด์ 5-9% อย่าใช้น้ำยาฟอกขาวที่ไม่มีส่วนผสมในสัดส่วนนี้ หรือไม่มีข้อมูลบ่งชี้ถึงปริมาณส่วนผสมที่ชัดเจน ผสมน้ำยาฟอกขาวในสัดส่วน 5 ช้อนโต๊ะ (1/3 ถ้วยตวง) ต่อน้ำหนึ่งแกลลอน เช็ดแล้วทิ้งไว้ 1 นาที ก่อนที่จะเช็ดออก

อย่าผสมน้ำยาฟอกขาวกับน้ำยาทำความสะอาดชนิดอื่น เพราะอาจเกิดไอระเหยที่เป็นอันตรายเมื่อสูดดมเข้าไปได้ ในขณะทำความสะอาดควรอยู่ในที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี

อย่าผสมน้ำยาฟอกขาวทิ้งไว้ เนื่องจากประสิทธิภาพของน้ำยาฟอกขาวจะมีอยู่ไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังจากผสม

ควรระมัดระวังเมื่อใช้ทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยใช้แอลกอฮอล์เอธานอล 70 เปอร์เซ็นต์ในการทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอล์จะระเหยแห้งได้เร็ว

ไวรัสโคโรน่าบนพื้นผิวต่างๆ มีความเสี่ยงมากแค่ไหน

ไวรัสโคโรน่า

การปกป้องตัวเองจากเชื้อโรคอาจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ แต่ในขณะนี้ที่เรารับรู้แล้วว่า ไวรัสสามารถแพร่กระจายได้ผ่านทางละอองฝอยจากระบบทางเดินหายใจเป็นหลัก เรายังต้องกังวลหรือไม่ กับการสัมผัสกับสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา

ในทางทฤษฎีแล้วมีความเป็นไปได้ แต่ก็น้อยมาก นพ.แดน บลูมเบิร์ก หัวหน้าแผนกโรคติดเชื้อในเด็ก ที่โรงพยาบาลเด็ก UC Davis ในสหรัฐฯ บอกเช่นนั้น เราต้องมีสถานการณ์ที่พิเศษพอสมควรสำหรับการติดเชื้อนี้ อย่างแรกก็คือ คุณต้องได้รับปริมาณไวรัสบนพื้นผิวที่มากพอที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อ จากนั้น ไวรัสยังต้องมีชีวิตอยู่ได้นานพอบนพื้นผิวที่คุณจะใช้มือสัมผัส และจากนั้นคุณก็ใช้มือนั้นแตะต้องตา ปาก จมูก โดยไม่ได้ล้างมือ

ดังนั้น หากคุณพยายามที่จะลดความเสี่ยงของตัวเองในการติดโควิด ด้วยการเช็ดทุกอย่างรอบตัว แต่คุณก็ยังถือว่าไม่ได้รับการปกป้องที่ดีนัก หากคุณไม่ได้ทำการป้องกันอย่างอื่นด้วย เช่น การใส่หน้ากาก การเว้นระยะห่างจากผู้อื่น และการล้างมือเป็นประจำ

การใส่หน้ากากเมื่อคุณอยู่กับผู้อื่น เป็นวิธีการที่พิสูจน์แล้วว่า สามารถลดความเสี่ยงในการติดโรคโควิด-19 ลงได้ราว 65% และการอยู่ห่างจากผู้อื่นอย่างน้อยสองเมตร ก็ทำให้คุณอยู่ในระยะปลอดภัยจากไวรัสเช่นกัน รวมถึงการล้างมือด้วยสบู่และน้ำ ก็เป็นเรื่องสำคัญมากเมื่อคุณอยู่ในที่สาธารณะหรือเข้าห้องน้ำและก่อนรับประทานอาหาร ถึงแม้โอกาสที่จะได้รับเชื้อจากอาหารมีอยู่น้อยมาก แต่คุณก็อาจรับเชื้อได้จากมือที่ส่งอาหารเข้าปากนั่นเอง

เพราะฉะนั้นทำให้พื้นที่รอบตัวสะอาด แต่ไม่ต้องฆ่าเชื้อทุกสิ่งทุกอย่างจนเกินเลยไป

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *