ต้องการประสบความสำเร็จและมีความสุขมากขึ้นใช่ไหม บางทีคุณอาจต้องเรียนรู้จักการมองโลกในแง่ร้ายซะบ้าง
การเป็นลบสามารถเป็นบวกได้ นี่ไม่ใช่สูตรคณิตศาสตร์ แต่การศึกษาเร็วๆ นี้ทำให้ทราบว่า ทัศนคติในทางลบอาจจะช่วยให้คุณมีชีวิตยาวนานขึ้น โดยการมองโลกในแง่ร้ายในเรื่องเกี่ยวกับอนาคต อาจจะหมายความว่าคุณมีความเสี่ยงน้อยลง ระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพ และมักจะระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยมากกว่าคนที่มองโลกในแง่ดี และนี่คือสิ่งที่เราค้นพบว่าเราสามารถเรียนรู้จากคนที่มองโลกในแง่ลบเพื่อให้มีอนาคตที่ดีกว่า
1 ช่วยจัดการกับความวิตกกังวล
คนที่มองโลกในแง่ลบจะคิดถึงเหตุการณ์ในกรณีที่แย่ที่สุด เช่น “การพรีเซนต์งานนี้จะจบลงด้วยหายนะ ฉันจะถูกไล่ออกจากงาน” แต่พวกเขาก็ทำจนสำเร็จ แล้วพวกเขาทำได้ยังไง? ศ.จูลี่ โนเร็ม ผู้เขียนเรื่อง The Positive Power of Negative Thinking อธิบายว่า เมื่อคุณคิดถึงกรณีที่แย่ที่สุดคุณจะเต็มไปด้วยพลังทางอารมณ์ ที่บอกกับตัวเองว่า “มันตกต่ำไปกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ”
ในกรณีนี้ ความคิดในแง่ลบของคุณทำหน้าที่เหมือนกันชน ที่เตือนคุณว่า “ฉันมีอะไรให้เสีย?” เมื่อความวิตกกังวลอยู่ภายใต้การควบคุมได้ คุณก็จะสามารถดึงตัวเองให้ลุกขึ้นมา แล้วก้าวไปทำงานให้ดีที่สุดได้
2 การมองโลกในแง่ร้ายทำให้ต้องมีแผนสอง
ถ้าคุณมีเพื่อน คู่รัก หรือสมาชิกครอบครัวที่มองโลกในแง่ลบ คุณรู้ดีว่ามันเป็นยังไง เมื่อต้องเป็นบ้าไปกับความวิตกกังวลกับคำว่า “จะเป็นอย่างไรถ้า” ที่ตามด้วยคำอธิบายของหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นของพวกเขา พวกเขาสามารถเปลี่ยนการไปกินอาหารเที่ยงธรรมดาให้เป็นเหมือนการออกรบครั้งใหญ่ “จะเป็นอย่างไรถ้าเราไม่ได้โต๊ะที่ร้านอาหาร” “จะเป็นอย่างไรถ้าเราหาที่จอดรถไม่ได้”หรือ “จะเป็นอย่างไรถ้ารถติดแล้วเรากลับไม่ทันไปรับลูก?”
มันอาจเป็นเรื่องเลวร้ายได้ ถ้าสิ่งนี้ทำให้คุณล้มเลิกสิ่งที่ตั้งใจจะทำ แต่ถ้าการมองโลกในแง่ลบจูงใจให้คุณคิดแผนสองเอาไว้ มันก็จะเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดผลดี
ในชีวิตสิ่งต่างๆ มักจะผิดพลาด ดังนั้น ถ้าคุณระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าเหตุการณ์ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดจะไม่เกิดขึ้น คุณก็จะมีโอกาสมากขึ้นในการที่จะเพลิดเพลินกับชีวิตอย่างเต็มที่
3 ทำให้มองให้เห็นภาพและเตรียมพร้อมสำหรับปัญหา
คนที่มองโลกในแง่ลบเชื่อว่าสิ่งต่างๆ จะแย่ลง ไม่เหมือนคนที่มองโลกในแง่ดีที่เชื่อในทางตรงกันข้าม ไม่ว่าจะเป็นการออกเดทครั้งแรก หรือการเตรียมพรีเซนต์งาน แต่การคาดการณ์ในทางลบจะทำให้เกิดการระดมความคิด คุณนึกถึงภาพปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และแยกแยะมันออกมา ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจที่รออยู่ข้างหน้าได้อย่างรอบคอบ
ความกังวลว่า “จะเป็นอย่างไรถ้า” จะหายไปด้วยพลังของความคิด เช่น ถ้าคุณตื่นเต้นเกี่ยวกับการสัมภาษณ์งานที่กำลังจะมาถึง พยายามตั้งสมาธิและเตือนตัวเองซ้ำในใจ มองให้เห็นภาพตัวเองกำลังตอบคำถามยากๆ สร้างความเชื่อมั่นและเป็นมืออาชีพให้มากขึ้น เปลี่ยนความคิดทางจิตใจจากความกังวล ไปเป็นการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ตามความเป็นจริง
4 ทำให้รู้จักยอมรับ
ในความเป็นจริงของสภาพแวดล้อมที่ยากๆ คนที่เป็นลบมักจะยอมรับสถานการณ์ได้มากกว่า ซึ่งช่วยให้พวกเขาปรับตัวเข้ากับสิ่งที่เป็นอยู่ได้ การยอมรับยังช่วยป้องกันความซึมเศร้า และความผิดหวังอย่างไม่สิ้นสุด ที่คนมองโลกในแง่ดีแบบผิดๆ มักจะเป็น
คนที่เล่นบท “ทุกสิ่งจะต้องยอดเยี่ยม” ไม่เพียงแค่ละเลยปัญหาและประเด็นที่แท้จริงที่ต้องรับรู้ แต่ยังป้องกันคนอื่นจากการแสดงออกเรื่องความเศร้า ความโกรธ ความโดดเดี่ยวหรือความกลัวและความผิดหวัง มันเป็นเรื่องยาก และเกือบจะเป็นไปไม่ได้ ที่จะแสดงความรู้สึกที่แท้จริงของคุณ เพราะรู้สึกผิดที่จะแสดงอารมณ์ในแง่ลบ ขณะที่คนที่มองโลกในแง่ลบเข้าใจความกลัวและความเจ็บปวดของผู้คน และสามารถกระตุ้นให้คนที่อยู่รอบพวกเขาแบ่งปันความกังวลของตัวเองได้
5 ทำให้รู้จักระมัดระวัง
งานวิจัยทำให้รู้ว่าทัศนคติแบบ “เธอจะต้องโอเค” อาจเป็นอันตราย การเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกินไป และการแกล้งทำว่าปัญหาไม่ได้มีอยู่ อาจจะพาคุณเข้าไปสู่ความเสี่ยงอย่างมากต่อการเสียชีวิตหรือพิการ
ทัศนคติในทางบวกมากเกินไปอาจทำให้คุณไม่ระมัดระวังเรื่องการเงิน สุขภาพ และความปลอดภัย ในทางตรงกันข้าม การมองโลกในแง่ลบทางสุขภาพอย่างพอเหมาะจะทำให้คุณมีชีวิตอยู่อย่างระมัดระวัง ใช้ความระมัดระวังทางสุขภาพและความปลอดภัยอย่างจริงจัง และมีชีวิตนานขึ้นและมีความสุขขึ้นอย่างแท้จริง
ระวัง..อย่ามองโลกในแง่ลบเกินไปจนเป็นปัญหา
การคาดการณ์ว่า “อะไรจะเกิดขึ้นถ้า” ที่ไม่สามารถควบคุมได้ กำลังจะทำให้คุณเป็นบ้า
สิ่งที่ต้องทำ: เก็บความคิดน่ากลัวไว้กับตัวเอง ก่อนจะพูดสิ่งที่คุณคิด ถามตัวเองว่าเรื่องนี้สำคัญจริงหรือเปล่า ถ้าคุณกำลังกังวลกับสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น คุณก็กำลังวิตกกังวลและหมกมุ่นมากเกินไป
การตรวจสอบซ้ำซากของคุณทำให้คุณช้าและไม่ทันเส้นตายเป็นประจำ
สิ่งที่ต้องทำ: เมื่อคุณใช้ขั้นตอนที่เหมาะสมเพื่อป้องกันผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการแล้ว ปล่อยวางซะ อย่าเสียเวลาและพลังงานเพื่อตรวจสอบซ้ำทุกสิ่ง
คุณตัวแข็งจากความกลัว ทำให้คุณผลัดวันประกันพรุ่ง เสียเวลาหรือแม้กระทั่งละทิ้งโครงการ
สิ่งที่ต้องทำ: เน้นไปที่สิ่งที่คุณทำได้ดี และเมื่อคุณเลือกเป้าหมายได้ เริ่มวางแผนเพื่อช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายนั้น ย่อยเป้าหมายขนาดใหญ่ให้เล็กลงและสามารถทำได้ การไปทีละขั้นจะทำให้คุณรู้สึกควบคุมได้
คุณครุ่นคิดถึงแต่สิ่งที่ผิดพลาด
สิ่งที่ต้องทำ: ขจัดมันออกไป ทุกคนล้วนทำความผิดพลาด วิธีการแก้ปัญหาสำคัญกว่า จากนั้นเอาความคิดออกจากความโชคร้ายและ/หรือประสบการณ์ที่ไม่ดี ด้วยการเข้าร่วมกับกิจกรรมที่คุณชอบและที่ทำให้คุรจดจ่อกับมันแทน
Average Rating