0
0
คนที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็เนื้อตัวหอมกรุ่นอยู่ตลอดเวลา และคุณก็สามารถเป็นคนตัวหอมแบบนั้นได้ไม่ยากเช่นกัน
คุณเคยเจอคนแบบนี้แล้ว คนที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็เนื้อตัวหอมกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ต่อให้เพิ่งออกมาจากคลาสออกกำลัง กลิ่นก็ยังหอมสดชื่นอยู่ได้อีกแน่ะ น่าอิจฉาซะจริง! พวกเขาไม่ได้เกิดมาแล้วเป็นแบบนี้หรอกจ้า แล้วก็ไม่ได้โชคช่วยด้วย แต่พวกเขามีอะไรที่ต้องทำหลายอย่าง ที่พวกเราก็ทำได้นะ
การอาบน้ำอาจเป็นส่วนสำคัญสำหรับการมีกลิ่นสะอาด แต่คนตัวหอมที่มีกลิ่นรัญจวนใจอยู่เสมอ ไม่ได้ปล่อยตัวตามสบายหรอกนะ คนเหล่านี้รู้จักวิธีที่จะปรุงแต่งกลิ่นหอมของตัวเอง รู้จักวิธีการใช้น้ำหอมให้หอมทนหอมนาน และใส่ใจในเรื่องสิ่งที่เข้าไปในร่างกายของตัวเอง ไม่ใช่แค่สิ่งที่อยู่ภายนอกด้วย
อ่านต่อไปค่ะ เราไปหาข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญมาแล้วว่า มีความลับอะไรบ้างที่จะช่วยให้เนื้อตัวเราหอมกรุ่นอยู่เสมอ แล้วคราวนี้คุณก็จะทำให้ให้คนหันมามอง (อย่างชื่นชม) ได้ด้วยกลิ่นของคุณ
1 ความหอมเริ่มการกิน
เหมือนคำที่ชอบพูดกัน “คุณเป็นในแบบที่คุณกิน” และแน่นอน คุณยังมีกลิ่นแบบที่คุณกิน (และดื่ม) ด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหอมบอกว่า ถ้าคุณต้องการกลิ่นที่ดี สิ่งสำคัญคือต้องคิดให้มากๆ เกี่ยวกับสิ่งที่คุณใส่เข้าไปในร่างกาย
โดยการกินอาหารที่เต็มไปด้วยเครื่องเทศ หัวหอม และกระเทียมอาจเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพก็จริง แต่มันจะออกมาทางรูขุมขนของคุณ โดยสามสิ่งนี้สามารถผ่านออกมาทางผิวหนังและลมหายใจนานถึง 48 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปริมาณที่คุณกิน
นักปรุงน้ำหอมอีกคนหนึ่ง แอน แซนฟอร์ด ระบุว่า อาหารไม่ใช่แค่ส่งผลต่อกลิ่นของร่างกายตามธรรมชาติ แต่ยังส่งผลต่อการที่น้ำหอมทำปฏิกิริยาบนผิวด้วย การกินอาหารที่ดี ซึ่งเน้นอาหารสดใหม่ ทั้งผัก ผลไม้ และโปรตีนที่ดี ช่วยให้ร่างกายสดชื่นและทำงานได้อย่างราบรื่นอย่างแท้จริง และสิ่งเหล่านี้ก็คือจุดเริ่มต้นของการมีกลิ่นหอมที่สมบูรณ์แบบ
เธอยังเพิ่มเติมด้วยว่า แอลกอฮอล์สามารถทิ้งผลกระทบในแง่ลบไว้บนร่างกายได้ด้วย นั่นก็คือเมื่อร่างกายเราย่อยสลายแอลกอฮอล์ ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นก็คือน้ำตาล ซึ่งจะถูกขับออกมาทางรูขุมขน และผลก็คือกลิ่นแรงๆ ชวนคลื่นไส้ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
2 รักษาความชุ่มชื้นของผิว
เมื่อพูดถึงการดื่ม น้ำควรเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ การอยู่โดยมีน้ำอย่างเพียงพอไม่ใช่แค่ดีสำหรับสุขภาพโดยรวมของคุณ แต่ยังรักษาความชุมชื้นของผิว ซึ่งช่วยให้กลิ่นที่มียึดติด จึงทำให้มันติดทนอยู่นานขึ้น ซึ่งนี่เป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพากับน้ำหอมจากธรรมชาติที่ไม่มีสารยึดเกาะผิวที่เป็นสารสังเคราะห์ และเมื่อผิวแห้ง มันก็มีแนวโน้มที่จะดูดซึม และทำให้น้ำหอมจางกลิ่นได้เร็วขึ้นมาก
3 ให้ความสำคัญกับเสื้อผ้า
เป็นเรื่องที่อาจฟังดูไม่ต้องใช้สมองเท่าไหร่นัก แต่การดูแลรักษาเสื้อผ้าขั้นพื้นฐาน (ได้แก่การซักเป็นประจำ) สร้างความแตกต่างอย่างสำคัญในกลิ่นที่ปล่อยออกมา ซึ่งผงซักฟอกตามปกติทั้งหมดสามารถทำได้ แต่ถ้าคุณรู้สึกมีความต้องการเป็นพิเศษ อาจลองใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่เพิ่มเติมกลิ่นหอมพิเศษเข้าไป ซึ่งบางแบรนด์อาจจะให้กลิ่นหอมที่ดีกว่าน้ำหอมบางยี่ห้อเสียอีก
4 ฉีดให้ถูกที่
คนเรามักจะไม่ตระหนักว่า ตำแหน่งที่ฉีดน้ำหอมบนร่างกายสามารถสร้างความแตกต่างได้ โดยคาร์ บราเดิล นักปรุงน้ำหอมอีกรายหนึ่งอธิบายว่า กลิ่นหอมจะเกิดขึ้นจากข้างล่างสู่ข้างบน ดังนั้น ถ้าคุณฉีดน้ำหอมทั่วเรือนร่าง นั่นคือที่ข้อเท้า หลังเข่า บริเวณหัวเหน่า หน้าอก และหลังหู คุณจะได้ประโยชน์จากน้ำหอมอย่างเต็มที่
ดังนั้น คุณจึงควรฉีดน้ำหอมมากกว่าที่ข้อมือ โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้น้ำหอมตรง “จุดที่มีความร้อน” หรือบริเวณที่อุ่นที่สุดของร่างกาย เช่น รอยเว้าตรงบั้นเอว ท้อง หลังคอ และข้อเท้า
ฟังดูเหมือนต้องฉีดน้ำหอมเยอะเลยนะ เพื่อป้องกันไม่ให้เราฉีดน้ำหอมมากเกินไป ให้ฉีดน้ำหอมประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนจะออกจากบ้าน และฉีดให้จะห่างอย่างน้อยหนึ่งฟุตจากร่างกาย เพราะจะช่วยให้กลิ่นหอมติดแน่น และไม่สร้างความอึดอัดให้กับคนที่นั่งติดกับคุณบนรถไฟฟ้า
5 หอมซ้อนหอม
ทุกวันนี้น้ำหอม โคโลญจ์ และเครื่องหอมทุกชนิด ไม่ได้มีแต่แบบขวดสเปรย์น่ารักๆ เท่านั้น แต่ยังมีขายในแบบโลชั่นทาตัว เจลอาบน้ำ สบู่ และอื่นๆ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ชอบที่จะใช้สิ่งเหล่านี้ซ้อนทับกันเพื่อสร้างความหอม ซึ่งจะทำให้คุณมีกลิ่นหอมสองเท่า และบางครั้งก็สามเท่า
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ลองใช้น้ำมันทาตัวที่มีกลิ่นหอมแทนครีมทาตัวแบบปกติ เพราะโลชั่นทาตัวแบบดั้งเดิมอาจจะประกอบด้วยสารสังเคราะห์และสารกันเสีย ที่สามารถทำลายความหอมตามธรรมชาติได้ จากนั้น ก็ใช้น้ำหอมกลิ่นเดียวกันซ้อนทับลงไป หรือถ้าคุณอยากทดลองสร้างความแตกต่าง ก็ลองฉีดทับด้วยน้ำหอมกลิ่นที่แตกต่างกัน
ลองใช้กลิ่นมัส์ก ซึ่งจะช่วยให้กลิ่นหอมติดทนยาวนานขึ้น เพราะโดยทั่วไปแล้ว กลิ่นมัส์กมักจะเจือจางพอที่จะไม่ขัดกับกลิ่นหอมกลิ่นอื่นๆ และโบนัสพิเศษก็คือมัสก์ให้เอฟเฟ็คท์เหมือนกลิ่นฟีโรโมน (สารเคมีที่ร่างกายหลั่งออกมา และมีผลในทางกระตุ้นอารมณ์) ทำให้น้ำหอมที่เอามาซ้อนทับกันมีกลิ่นหนักแน่นและเซ็กซี่ และหอมยาวนานขึ้น
เคล็ดลับ
อีกเคล็ดลับดีๆ และราคาไม่แพงในการทำให้น้ำหอมติดทนนานขึ้นก็คือ ให้ทาน้ำมันจากวิตามินอีลงบนผิว ก่อนที่คุณจะฉีดกลิ่นหอมลงบนผิว ซึ่งจะช่วยได้ดีเป็นพิเศษเวลาใช้กับน้ำหอมกลิ่นมะนาว
6 ทาซ้ำตลอดทั้งวัน
ถ้าการติดทนนานคือเป้าหมายของคุณ คุณต้องรู้ว่าไม่ใช่ทุกกลิ่นจะถูกสร้างมาเท่ากัน น้ำหอมหรือโคโลญกลิ่นซิตรัสจะระเหยเร็วกว่า จึงควรใช้น้ำหอมที่มีความเข้มข้น และมีความหนักหรือความหนืดมากกว่า อย่างเช่น แซนดัลวู้ด (หรือไม้หอมอื่นๆ) วานิลลา หรือยาสูบ
แต่ไม่ว่าคุณจะพยายามเลือกน้ำหอมที่ติดทนนานแค่ไหน ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่บอกว่าการเติมน้ำหอมซ้ำตลอดทั้งวันเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะผิวเป็นอวัยวะที่มีชีวิต หายใจ เหงื่อออก เปลี่ยนสี และมีการสูญเสียน้ำมัน มันจึงไม่สามารถยึดกลิ่นเอาไว้ได้นาน
เราจึงควรฉีดน้ำหอมหนึ่งถึงสามครั้งต่อวัน ขึ้นอยู่กับน้ำหอม และอย่ากังวลเกี่ยวกับการพกพาขวดแก้วหนักๆ เพราะมีขนาดเดินทางและตัวอย่างให้ใช้ เก็บไว้หนึ่งอันในกระเป๋า บนโต๊ะหรือในรถสำหรับการสร้างความสดชื่นตลอดทั้งวัน แค่ต้องแน่ใจว่าไม่ใช้มากเกินไป เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบกลิ่นหอม
7 ไม่ใช่แค่บนผิว
การมีกลิ่นหอมไปไกลเกินกว่าการฉีดน้ำหอมให้ทั่วตัว แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำให้ฉีดกลิ่นหอมที่ชอบในห้อง บนที่นอน บนเสื้อผ้า และแม้แต่ผม แต่เนื่องจากน้ำหอมประกอบด้วยแอลกอฮอล์ การฉีดบนผมอาจจะไม่ดีนัก โดยเฉพาะถ้าคุณมีผมแห้ง แต่ไม่ต้องกังวล ลองมาสร้างสเปีย์หอมสำหรับฉีดผมเอง ด้วยการใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบผสมกับน้ำ แล้วใส่ในขวดสเปรย์ เอาไว้ใช้สำหรับฉีดผมสักวันหรือสองวันก่อนเปลี่ยนใหม่ น้ำมันหอมระเหยไม่ทำร้ายเส้นผม และก็ยึดติดกับผมได้ดี จึงทำให้หอมได้นานกว่า
8 ค้นหาอย่างจริงจัง
องค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของการเป็นคนตัวหอมเสมอก็คือน้ำหอมที่ดี ซึ่งการค้นหาน้ำหอมกลิ่นที่ใช่นั้นไม่ใช่งานง่ายๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่คุณควรยอมเสียเวลาทุ่มเทกับมัน เพราะมันจะทำให้ทุกอย่างแตกต่างออกไป ใช้เวลาให้มากในการมองหากลิ่นที่ถูกใจ ซึ่งจะเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างได้เลย เพราะการใส่สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
9 ทดลองก่อน
เวลาที่เราไปซื้อเสื้อผ้า เรามักจะไม่ได้แค่มองๆ หยิบมาทาบหน้าอก แล้วก็ซื้อหรอกใช่มั้ย? คุณต้องลองมันก่อนเสมอ น้ำหอมก็เช่นกัน คุณต้องทดลองดมกลิ่นมันก่อน
และก็อย่าหยุดอยู่แค่ดม ขอพนักงานขายลองฉีดดูด้วย และอย่าเพิ่งซื้อ กลิ่นของน้ำหอมจะเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเดินช้อปปิ้งรอบห้างก่อน เพื่อดูว่ากลิ่นหอมที่ฉีดมานั้น เมื่อผ่านไปสองสามชั่วโมงแล้ว จะยังหอมเหมือนเดิมและคุณจะยังชอบมันอยู่หรือเปล่า ถ้าเป็นไปได้ ลองขอน้ำหอมตัวอย่างมาใช้ที่บ้านสักสองสามวัน เพื่อดมกลิ่นมันในช่วงเวลาต่างๆ แล้วค่อยตัดสินใจ
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า น้ำหอมมีชีวิตของมันเอง เพราะพวกมันมีชีวิตยู่บนผิว เมื่อเราอยู่กับพวกมัน เราจะเริ่มเห็นว่าชีวิตมันเป็นแบบไหน และต้องการจะอยู่กับพวกมันหรือไม่ มันเป็นความสัมพันธ์ ที่บางครั้งคุณอาจจะเริ่มตกหลุมรักมันเมื่อเวลาผ่านไป แต่มักจะไม่ใช่รักแรกพบ–หรือในกรณีนี้ ก็คือรักแรกดม!
Average Rating