สุขภาพช่องคลอดกับ 13 เรื่องที่ผู้หญิงต้องรู้!

ก้มหน้าลงไปหน่อย! สุขภาพช่องคลอดไม่ใช่ความลับดำมืด ไม่มีอะไรน่ารังเกียจ และมีแต่เราเท่านั้นที่จะสามารถรักษาให้มันมีสุขภาพดีได้ 

พื้นที่ส่วนตัวข้างล่างของผู้หญิงเป็นพื้นที่สำคัญอย่างมาก แต่วัฒนธรรมก็อาจทำให้เรื่องของพื้นที่นี้ เป็นเสมือนพื้นที่ต้องห้าม ที่ไม่ค่อยถูกนำมาพูดถึง ทั้งที่พื้นที่ส่วนตัวนี้มีความสำคัญกับผู้หญิงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสุขภาพ ที่ควรต้องพูดกันอย่างเปิดเผย ถึงการดูแลพื้นที่ส่วนตัวของผู้หญิงอย่างเหมาะสม เพื่อให้สุขภาพดีตลอดไป และนี่คือเรื่องที่คุณควรรู้และใส่ใจดูแลพื้นที่ส่วนตัวของคุณ

เรื่องของสุขภาพช่องคลอดที่ผู้หญิงต้องรู้

1 ช่องคลอดสุขภาพดีเป็นยังไง

โดยธรรมชาติ ช่องคลอดที่สุขภาพดีจะมีความเป็นกรดเล็กน้อย และมีปริมาณแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ซึ่งช่วยป้องกันการติดเชื้อ และรักษาระดับ pH (ความเป็นกรดและด่าง) ให้อยู่ในระดับปกติ ช่องคลอดที่สุขภาพดีก็ยังอาจมีตกขาวเล็กน้อย เพื่อรักษาความสะอาดในตัวของมันเอง เหมือนกับที่น้ำลายถูกสร้างขึ้นมา เพื่อช่วยในการทำคามสะอาดช่องปากของคุณ อะไรก็ตามที่รบกวนสภาวะตามปกติพวกนี้ จะทำให้ช่องคลอดเกิดระคายเคืองหรือติดเชื้อได้

2 พื้นที่ส่วนตัวมี “กลิ่น” ของมัน

มันเป็นเรื่องปกติที่พื้นที่ส่วนตัวของคุณจะมีกลิ่นเหงื่อ หรือกลิ่นเปรี้ยวเล็กน้อยจากกลิ่นจุลินทรีย์ที่ช่วยรักษาสุขภาพของช่องคลอด และจากข้อมูลของ Mayo Clinic ก็ระบุว่า กลิ่นในพื้นที่ส่วนตัวของผู้หญิงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาในช่วงการมีรอบเดือน หรืออาจมีกลิ่นเพิ่มมากขึ้นได้หลังจากการมีเซ็กซ์ ถ้ากลิ่นจากพื้นที่ส่วนตัวของคุณไม่ได้มีอาการอื่นร่วมด้วย ก็ถือว่าไม่มีอะไรผิดปกติ

ความพยายามในการกลบกลิ่นด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ ก็ตามในบริเวณนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ แค่การรักษาความสะอาดด้วยน้ำและสบู่อ่อนๆ ตามปกติก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

3 ขนก็สำคัญนะ

ขนในบริเวณอวัยวะเพศ ทำหน้าที่ปกป้องพื้นที่ส่วนตัวของคุณ จากการเสียดสีและการติดเชื้อ การกำจัดขนบริเวณนี้ออกทั้งหมด มีแต่จะทำให้บริเวณนี้ระคายเคืองได้ง่าย ทั้งจากกระบวนการกำจัดขน และจากการเสียดสีกับเสื้อผ้าที่ใส่ในบริเวณนี้ การโกนขนบริเวณนี้ออกจนหมด ยังเพิ่มโอกาสในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บริเวณผิวหนังอย่างเช่นโรคเริมได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

4 อย่าสวนล้างช่องคลอด

การสวนล้างช่องคลอดสามารถรบกวนระดับ pH ของช่องคลอด ลดความเป็นกรดในช่องคลอด และทำให้มันเหมาะกับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ โดยปกติค่า pH ของช่องคลอดจะอยู่ประมาณ 3.8-4.5 ถ้าช่องคลอดของคุณมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ควรไปหาหมอ มากกว่าการสวนล้างเข้าไปภายในช่องคลอด เพราะการล้างช่องคลอด นอกจากจะเป็นการรบกวนแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในช่องคลอดแล้ว ยังเป็นแค่การกลบกลิ่นโดยไม่ได้แก้ไขที่สาเหตุ นอกจากนี้ก็ควรหลีกเบี่ยงการใช้สบู่แรงๆ ในการทำความสะอาดบริเวณพื้นที่ส่วนตัว ที่อาจส่งผลต่อความสมดุลของค่ากรดด่างในช่องคลอดได้เช่นกัน

5 อย่าทาแป้งบนพื้นที่ส่วนตัว

การใช้แป้งเด็ก (หรือแป้งอะไรก็ตามแต่ที่มีส่วนผสมของ Talc) กับพื้นที่ส่วนตัวเพื่อให้รู้สึกแห้งสบายตัว เป็นสิ่งที่อันตรายมากกว่าที่คุณคิด เพราะจากผลการศึกษาวิจัยเมื่อปี 2011 ที่นำเสนอในการประชุมประจำปีของ American Association for Cancer Research บ่งชี้ว่า มันอาจทำให้คุณเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเป็นมะเร็งรังไข่เพิ่มมากขึ้นถึงราว 30 เปอร์เซ็นต์ ผู้เขียนงานวิจัยคาดว่าแป้งอาจกระจายไปยังภายในอวัยวะเพศ และทำให้เกิดอาการอักเสบ ที่อาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งได้ เมื่อใช้เป็นเวลานานๆ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่าไม่ควรใช้

ถ้าคุณมีแนวโน้มที่จะมีเหงื่อออกมากในพื้นที่ส่วนตัว ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใส่ชุดชั้นในผ้าฝ้ายที่ระบายอากาศได้ดี และเปลี่ยนกางเกงในบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงคับๆ และอย่าใส่กางเกงในนอนตอนกลางคืน

6 อย่าใส่แผ่นรองชั้นในบ่อยเกินไป

ถ้ารอบเดือนของคุณไม่ปกติ มีเลือดออกกระปริบกระปรอยก่อนมีรอบเดือน หรือมีตกขาวเยอะ จนคุณต้องใส่แผ่นรองชั้นในเป็นประจำ นี่อาจทำให้คุณเกิดอาการระคายเคือง หรือติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เพราะแผ่นพลาสติกที่รองอยู่ด้านหลังของแผ่นรองชั้นใน ทำให้อากาศไหลเวียนไม่ดี ทำให้ร้อนและเหงื่อออกได้มากขึ้น และการใส่แผ่นรองชั้นในแผ่นเดียวต่อเนื่องกันนานๆ ก็ทำให้คุณมีโอกาสเกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การเสียดสีกับแผ่นรองชั้นในอย่างต่อเนื่อง ก็สามารถทำให้ผิวด้านนอกของอวัยวะเพศระคายเคืองได้

การใช้แผ่นรองชั้นในยังเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุของอาการที่คุณมี เพราะการมีเลือดออกกระปริบกระปรอย อาจเป็นความผิดปกติของรอบเดือน ที่ควรปรึกษาแพทย์ เช่นเดียวกับตกขาวที่มากเกินไป แต่ถ้ายังรู้สึกว่าต้องพึ่งพาแผ่นรองชั้นใน ก็อย่าลืมเปลี่ยนแผ่นรองชั้นในบ่อยๆ อย่างน้อยทุกสี่ชั่วโมง

7 อาการคันตรงนั้นไม่ได้มีแค่เชื้อรา

ทันทีที่คุณรู้สึกถึงอาการคันตรงนั้น พร้อมกับมีตกขาวออกมาจากช่องคลอด ผู้หญิงส่วนใหญ่มักคิดเอาว่ามันคืออาการติดเชื้อรา และอาจไปหายาเหน็บช่องคลอดเพื่อรักษาเชื้อรามาใช้ แต่ช้าก่อน นั่นอาจไม่ใช่สาเหตุเสมอไปก็ได้ ถึงแม้การติดเชื้อราจะเป็นสิ่งที่พบกันมากที่สุด (ผู้หญิงเกือบ 75 เปอร์เซ็นต์ ต่างเคยติดเชื้อราในช่องคลอด อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งในชีวิต) แต่มันเป็นเพียงหนึ่งในสามอาการติดเชื้อในช่องคลอดที่พบกันเป็นประจำ อีกสองอย่างก็คือ ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis) มีสาเหตุมาจากแบคทีเรียที่เติบโตในช่องคลอด และโรคติดเชื้อทริโคโมนาส (trichomoniasis) ที่เป็นอาการติดเชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ทั้งสองอย่างหลังนี้สามารถทำให้เกิดตกขาวได้แบบเดียวกับการติดเชื้อรา ฉะนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรให้แน่ใจว่ามันเป็นการติดเชื้อราจริงๆ เพราะทั้งสองโรคนี้ หากทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เกิดอาการอักเสบในอุ้งเชิงกรานได้ ดังนั้น ถ้าคุณมีอาการติดเชื้อราในช่องคลอดบ่อยๆ และอาการเหมือนเดิมทุกอย่าง คุณก็อาจซื้อยามารักษาตัวเองได้ แต่ถ้ามีกาอารที่ต่างกันไปเล็กน้อย ที่คุณไม่ค่อยแน่ใจ ควรไปหาหมอเพื่อการตรวจให้แน่ใจ ทั้งสามโรคนี้เป็นโรคที่รีกษาได้ไม่ยาก สามารถใช้ยาทาหรือยากินเพื่อฆ่าเชื้อราได้ โดยไม่จำเป็นต้องการยาปฏิชีวนะ

8 อย่าละเลยการทำเคเกล

บางทีคุณอาจพยายามที่ทำการบริหารเคเกล ในช่วงหลังตั้งครรภ์ เพื่อพยายามกระชับพื้นที่ส่วนตัว แต่การไม่ทำมันเป็นประจำอาจทำให้คุณเกิดปัญการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เมื่อมีอายุมากขึ้นได้ ถ้าคุณเคยมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่มาก่อน ก็มีแนวโน้มมากกว่าที่มันจะเกิดขึ้นอีกเมื่อคุณอายุมากขึ้น จากการสำรวจของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เกิดในผู้หญิงมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ในวัยเลข 4 และเกือบครึ่งหนึ่งของผู้หญิงที่อายุมากกว่า 50

ปัญหานี้เกิดขึ้นเนื่องจากกลามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานอ่อนแอลง (เนื่องจากการตั้งครรภ์ การให้กำเนิดบุตร อาการหมดประจำเดือน หรือน้ำหนักที่มากเกินไป) ซึ่งอาจทำให้เกิดปัสสาวะเล็ดในระหว่างออกกำลัง ไอ จาม หรือหัวเราะ การบริหารเคเกลจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อที่อ่อนแอเหล่านั้นแข็งแรงขึ้นได้ ช่วยป้องกันหรือทำให้อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ดีขึ้นได้

อยากให้ทวนความจำอีกทีมั้ยว่าเคเกลทำยังไง ลองนึกภาพตัวเองเข้าห้องน้ำ แล้วก็เกร็งช่องคลอดเพื่อหยุดปัสสาวะที่กำลังไหล ทำแบบนี้สักสามเซ็ทๆ ละ 12-15 ครั้งต่อวัน

9 ประจำเดือนมามากกว่าปกติ..ไม่ปกติ

เมื่อคุณเข้าใกล้ช่วงเวลาหมดประจำเดือน ช่วงเวลาของการมีประจำเดือนอาจสั้นลงหรือห่างออกไปได้ แต่ไม่ควรที่จะมีประจำเดือนมากกว่าปกติ ถ้าประจำเดือนของคุณเริ่มมีมากกว่าปกติ หรือถ้ามาบ่อยเกินไป เช่น ทุกสองสัปดาห์ หรือมีเลือดออกกระปริบกระปรอยในระหว่างรอบเดือน ควรไปหาหมอ ประจำเดือนที่มากกว่าปกติ อาจเป็นสัญญาณของการมีเนื้องอกในมดลูก หรือปัญหาเรื่องฮอร์โมนก็เป็นได้

10 อาหารมีผลต่อสุขภาพช่องคลอด

คุณอาจไม่รู้ตัว แต่อาหารที่มีคุณประโยชน์และการดื่มน้ำที่มากพอ ก็มีความสำคัญต่อการรักษาสุขภาพช่องคลอดด้วยเช่นกัน ที่จริงแล้ว อาหารบางอย่างยังอานมีผลในการเยียวยาปัญหาสุขภาพของช่องคลอดได้ด้วย เช่น น้ำแครนเบอร์รี่และโยเกิร์ต มีความสามารถในการช่วยป้องกันการติดเชื้อราในช่องคลอด และช่วยในการเยียวยาอาการได้ และถ้าคุณมีปัญหาช่องคลอดแห้ง การกินอาหารที่ทำจากถั่วเหลืองเพิ่มขึ้น ก็อาจช่วยได้ เนื่องจากมันมีเอสโตรเจนรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถช่วยในการสร้างน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติในช่องคลอดได้

11 ไปหาหมอเป็นประจำ

การไปหานรีแพทย์เพื่อการตรวจสุขภาพช่องคลอดของคุณเป็นประจำ เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพช่องคลอดและระบบสืบพันธุ์ของคุณ ผู้หญิงทุกคนควรไปหานรีแพทย์เพื่อรับการตรวจเมื่ออายุ 21 หรือภายในสามปีหลังจากที่เริ่มมีกิจกรรมทางเพศ นอกจากการตรวจสุขภาพของช่องคลอดและระบบสืบพันธ์โดยรวมแล้ว คุณยังควรทำการตรวจภายในหรือ Pap Smear ซึ่งสามารถตรวจจับความผิดปกติใดๆ ของเซลล์ในช่องคลอด ที่บ่งชี้ถึงโรคมะเร็งได้อย่างทันท่วงทีด้วย

12 ไม่ใช่ผู้หญิงสูงอายุเท่านั้นที่มีอาการปัสสาวะเล็ด

มีผู้หญิงอายุน้อยๆ จำนวนมากที่มีปัญหากับการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าอายุโดยเฉลี่ยของผู้หญิงที่รายงานถึงอาการปัสสาวะเล็ดคือ 45 แต่ก็มีผู้หญิงในวัย 20 และ 30 ด้วยเช่นกัน ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ก็อาจมีอาการปัสสาวะเล็ดได้ โดยเฉพาะถ้าคลอดลูกหลายๆ ครั้ง ก็ยิ่งทำให้กล้ามเนื้อในบริเวณนี้อ่อนแอลงได้

13 ช่องคลอดของคุณเปลี่ยนแปลงตลอดชีวิต

ช่องคลอดของผู้หญิงเปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิต เนื่องจากผลของฮอร์โมน โดยก่อนที่จะแตกเนื้อสาว ช่องคลอดของเด็กผู้หญิงจะเล็กมาก เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่มันจะต้องขยายตัวหรือเกร็งตัวเหมือนผู้หญิงในวัยสาว แต่เมื่อแตกเนื้อสาวและเริ่มมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ช่องคลอดก็จะสามารถยืดขยายออกได้

แต่นั่นก็ไม่ใช่ช่วงเวลาเดียวที่ช่องคลอดของผู้หญิงจะเปลี่ยนแปลง เมื่อถึงวัยที่ร่างกายผู้หญิงเริ่มลดการผลิตเอสโตรเจน ก่อนเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนหรือหลังหมดประจำเดือน ความยืดหยุ่นของช่องคลอดก็จะเริ่มลดลง ซึ่งอาจนำไปสู่ความเจ็บปวดในขณะการร่วมเพศของผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้นได้

และในขณะที่เรารู้กันว่าช่องคลอดสามารถยืดขยายได้ในช่วงของการคลอดลูก ช่องคลอดยังสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ในระหว่างการมีเซ็กซ์และในช่วงที่เกิดอารมณ์เพศ มันจึงไม่มี “ขนาดปกติ” ของช่องคลอด เพราะมันสามารถเปลี่ยนแปลงขนาดได้ เหมือนกับที่อวัยวะเพศของผู้ชายสามารถขยายตัวขึ้นได้นั่นแหละ

แต่ถึงแม้จะไม่มีขนาดที่ “ถูกต้อง” สำหรับช่องคลอด สิ่งหนึ่งที่ควรจำไว้ก็คือ มันไม่ควรมีความเจ็บปวด ถ้าคุณไม่สามารถสอดใส่แทมพอน หรือแม้แต่นิ้วเข้าไปได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องกังวล เว้นแต่คุณจะยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน โดยผู้หญิงที่ยังไม่เคยมีกิจกรรมทางเพศจะยังคงมีสิ่งที่เรียกว่าเยื่อพรหมจารีย์อยู่ แต่ก็เป็นไปได้ที่ว่าเยื่อพรหมจารีย์นี้อาจฉีกขาดได้ก่อนจะมีกิจกรรมทางเพศ จากการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การขี่จักรยาน การเล่นยิมนาสติค หรือแม้แต่การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง

ถ้าคุณยังไม่มีประสบการณ์ทางเพศ และเยื่อพรหมจารีย์ยังคงมีอยู่ มันต้องใช้เวลากว่าที่ช่องคลอดจะเรียนรู้ที่จะยืดขยายตัวไปตามขนาดของนิ้ว แทมพอน หรืออวัยวะเพศชาย มันต้องใช้เวลากว่าที่ช่องคลอดจะเริ่มมีความยืดหยุ่นและสามารถขยายตัวได้

• Facebook
• Twitter
• Line