VB6 Diet ลดน้ำหนักแบบไม่ต้องอดมื้อเย็น..สนปะ?

Read Time:4 Minute, 28 Second

VB6 Diet อีกหนึ่งแนวคิดเรื่องการลดน้ำหนักที่ไม่ต้องอดอาหาร โดยเฉพาะมื้อเย็น อาจเป็นที่ถูกใจสาวๆ หลายคน แต่ก่อนจะใช้วิธีการนี้ มาทำความรู้จักกับมันให้ดีก่อน

สาวๆ มักเลือกที่จะงดอาหารมื้อเย็นเวลาที่ต้องการลดน้ำหนัก แต่จะดีกว่ามั้ยถ้าเราสามารถกินอะไรตามที่ต้องการก็ได้ตอนมื้อเย็น เพียงแค่กินมังสวิรัติในตอนกลางวันเท่านั้น! ‘บียอนเซ่’ ทำแบบนี้มาแล้ว และก็ได้ร่างกายที่กระชับขึ้นเป็นผลตอบแทน พร้อมสุขภาพที่ดีขึ้นด้วย มาทำความรู้จักกับแผนลดน้ำหนักที่ชื่อ VB6 Diet กันดีกว่า

VB6 Diet มาจากไหน

VB6 ไม่ใช่รหัสใบ้หวย แต่เป็นคำย่อของ Vegan Before 6 หรือการกินมังสวิรัติแบบเข้มงวด (งดเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์นม หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกอย่าง) จนถึงหกโมงเย็น

ผู้ที่สร้างสรรค์แผนการกินนี้คือ มาร์ค บิตต์แมน ซึ่งไม่ใช่หมอหรือนักโภชนาการ แต่เป็นนักเขียนคอลัมน์อาหารในหนังสือพิมพ์มามากกว่า 25 ปี โดยจุดเปลี่ยนของบิตต์แมนเกิดขึ้นเมื่อเขาอายุ 57 และพบว่าตัวเองน้ำหนักเกินไปถึง 40 ปอนด์ แถมยังมีอาการเริ่มต้นของโรคเบาหวาน และคอเลสเตอรอลสูง หมอสั่งยาให้เขากิน แต่เพื่อนแนะนำให้เขาลองกินมังสวิรัติแบบเคร่งครัด (Vegan) ที่ไม่กินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์อาหารจากสัตว์ทุกชนิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะกับการเป็นนักเขียนคอลัมน์อาหารอย่างเขาเท่าไหร่ เขาก็เลยตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ ด้วยการหันมากินมังสวิรัติแบบเคร่งครัดในระหว่างวัน และให้ตัวเองได้กินอาหารอื่นที่ต้องการได้ในตอนมื้อค่ำ

ในเดือนแรกของการกินแบบนี้ บิตต์แมนสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 17 ปอนด์ และลดได้ถึง 35 ปอนด์ในเวลาหลายเดือนต่อจากนั้น และมีน้ำหนักตัวน้อยที่สุดเท่าที่เคยเป็นมาตลอดชีวิต แถมสุขภาพดีขึ้นด้วย บิตต์แมนเขียนเรื่องการลดน้ำหนักตามวิธีการนี้ของเขาเป็นบทความครั้งแรกเมื่อปี 2009 ก่อนจะนำประสบการณ์ตรงของตัวเองทั้งหมดมาเขียนเป็นหนังสือชื่อ VB6: Eat Vegan Before 6:00 to Lose Weight and Restore Your Health…For Good เมื่อปี 2013 และกลายเป็นไดเอ็ทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแบบหนึ่งเลยทีเดียว

VB6 ต้องกินยังไง

หลักการของ VB6 ง่ายมาก คุณแค่ต้องกินมังสวิรัติชั่วคราวในระหว่างวัน กินผลไม้ ผัก ถั่ว ธัญพืชต่างๆ ได้แบบไม่จำกัดจำนวน จนกระทั่งถึง 6 โมงเย็น ซึ่งคุณสามารถกินอะไรก็ได้ที่ต้องการสำหรับมื้อเย็น เท่ากับคุณกินมังสวิรัติแค่สองมื้อเท่านั้น แต่บิตต์แมนแนะให้งดอาหารสำเร็จรูปทั้งหลายและอาหาร “สีขาว” ทั้งหลายในระหว่างวัน เช่น ขนมปังขาว ข้าวขาว น้ำตาล (ถึงแม้มันจะเป็นอาหารมังสวิรัติก็ตามที) รวมถึงพาสต้าที่มีส่วนผสมของไข่ (หรือบะหมี่ของเราที่มีส่วนผสมของไข่ ก็ต้องห้ามในระหว่างวันเช่นกัน)

ในช่วงแรกๆ อาจจะค่อนข้างยากสำหรับคนที่ชอบกินเนื้อสัตว์เป็นอาหารหลัก แต่บิตต์แมนแนะให้กินของว่างเมื่อรู้สึกหิว หรืออยากกินอาหารขึ้นมา โดยบิตต์แมนแนะให้กินผลไม้ เช่น แอปเปิล ถึงแม้จะต้องกินหลายชิ้นก็ไม่เป็นไร หรืออะโวคาโดก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับของว่างระหว่างมื้อ และพอถึงมื้อเย็น คุณสามารถกินเนื้อสัตว์ แอลกอฮอล์ หรือของหวานได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ แต่บิตต์แมนก็แนะให้คุณกินและดื่มแบบปานกลางจะดีที่สุด

ข้อดีของ VB6 ก็คือ มันไม่ถือว่ามีข้อจำกัดมากนัก เพราะคุณกินมังสวิรัติแค่ระหว่างวัน ไม่ต้องมีการนับแคลอรี่ ไม่ต้องจดไดอารี่อาหาร ไม่ต้องชั่งตวงวัดหรือกินอาหารพิเศษอะไร และไม่ใช่ไดเอ็ทแบบโลว์แฟต แต่ก็ควรเลือกกินไขมันที่ดีต่อหัวใจอย่างเช่น อโวคาโด น้ำมันมะกอก ถั่ว และเมล็ดพืช บิตต์แมนบอกว่าแผนการกินแบบนี้มีความยืดหยุ่นสูง คุณก็แค่ทำได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ต้องบังคับให้ตัวเองทำอย่างให้สมบูรณ์แบบไปซะหมด เพราะเมื่อเวลาผ่านไป คุณจะสร้างความเคยชินกับการกินแบบนี้ และทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นเอง

ทำไมถึงได้ผล

ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากปัจจัยทางด้านจิตใจ แบบเดียวกับแผนการไดเอ็ทแบบ 5:2 (ไดเอ็ท 5 วันและกินตามใจ 2 วัน) ซึ่งคุณจะต้องบังคับเข้มงวดกับตัวเองแค่บางเวลา โดยจะได้รับรางวัลจากความพยายามในช่วงเย็น ซึ่งคุณสามารถกินอะไรก็ได้ที่ต้องการ จึงเป็นไดเอ็ทที่คนสามารถทำตามได้ง่าย และทำตามได้เป็นระยะเวลานาน แถมการการกินอาหารส่วนใหญ่จากพืช ก็เป็นวิธีการที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางแล้วว่า จะทำให้สุขภาพคุณดีขึ้น ช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับ จึงส่งผลให้คุณสามารถลดน้ำหนักได้ในท้ายที่สุด

การกินตามแผนการนี้ไม่มีการอดอาหาร หรือกินอาหารอะไรแปลกๆ แต่ถือเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และถ้าคุณกินอาหารเย็นแบบปานกลางก็จะยิ่งดี แต่ถ้าใช้ไดเอ็ทแบบนี้เป็นข้ออ้างที่จะกินพิซว่า ขนมหวาน เค้ก และแอลกออล์ทุกคืน ผลที่ได้รับก็อาจไม่ดีต่อสุขภาพสักเท่าไหร่หรอกนะ

ต้องออกกำลังด้วยหรือเปล่า?

เช่นเดียวกับการไดเอ็ทอื่นๆ บิตต์แมนก็แนะให้คุณออกกำลังด้วย เพราะมันจะช่วยเรื่องสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ แต่เขาก็ไม่มีข้อแนะนำในเรื่องการออกกำลังอะไรเป็นพิเศษ